Search
 
NEWS
 

รู้จัก ‘อาร์บอนนีย์ เกเบรียล’ ฝ่าดรามาคว้ามง มิสยูนิเวิร์สชาวฟิลิปปินส์อเมริกันคนแรก

 
 
วีโอเอไทยสัมภาษณ์พิเศษ อาร์บอนนีย์ เกเบรียล เจ้าของมงกุฏนางงามจักรวาล หรือ มิสยูนิเวิร์ส, มิสยูเอสเอ และมิสเท็กซัส ยูเอสเอ ประจำปี 2022 ผู้คว้ามงกุฎจักรวาลคนที่ 9 จากสหรัฐฯ นางงามวัย 28 ปีผู้นี้ ถือเป็นชาวอเมริกันเชื้อสายฟิลิปปินส์คนแรกที่คว้าตำแหน่งมิสยูนิเวิร์ส และเป็นชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียคนแรกที่ชนะตำแหน่งมิสยูเอสเอ และมิสเท็กซัส ยูเอสเอ เธอยังเป็นมิสยูนิเวิร์สที่มีอายุมากที่สุดนับตั้งแต่มีการแข่งขันมา และฝ่ากระแส ดรามา “ล็อกมง” ที่มีมาตั้งแต่เมื่อครั้งที่เธอชนะการประกวดเวทีในบ้านต่อเนื่องจนถึงเวทีแห่งจักรวาล “จริง ๆ แล้วฉันไม่เคยคิดหรือต้องการเป็น (นางงาม) ชาวเอเชียนอเมริกันคนแรกเลยนะคะ” เกเบรียลกล่าวกับ ‘วีโอเอไทย’ ที่นครนิวยอร์ก ระหว่างปฏิบัติภารกิจช่วงสัปดาห์แรกหลังรับตำแหน่งนางงามจักรวาลคนล่าสุด “ฉันเข้าร่วมประกวดหลัก ๆ เพราะเห็นว่า เวทีนี้เป็นก้าวย่างที่สำคัญที่จะทำให้ฉันสื่อสารถึงสิ่งที่ฉันทำอยู่ได้ ทำให้ธุรกิจ (แฟชัน) ของฉันเติบโต และทำให้ฉันให้ความสำคัญกับประเด็นความยั่งยืนในวงการแฟชันและการเป็นพลังเพื่อสิ่งที่ดีได้ค่ะ” ถึงแม้ว่าเกเบรียลจะไม่ได้ชูความเป็นชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียของเธอเป็น “จุดแข็ง” ของการประกวดแต่แรก แต่เธอก็กล่าวอย่างภูมิใจว่า การที่เธอมีคุณแม่เป็นชาวเท็กซัสผิวขาว และคุณพ่อเป็นชาวฟิลิปปินส์ ทำให้เธอเติบโตท่ามกลางความหลากหลาย และช่วยปลูกฝังให้เธอมีทัศนคติที่ยอมรับความแตกต่างในสังคม   “ครอบครัวฟิลิปปินส์ของฉันเป็นครอบครัวใหญ่มาก พวกเขาเสียงดัง เป็นคนสนุกสนาน ขณะที่ครอบครัวฝั่งคุณแม่มีความอบอุ่น เป็นครอบครัวเล็ก เก็บตัวมากกว่า ครอบครัวที่แตกต่างกันจากทั้งสองฝั่งนี้ ช่วยสร้างตัวตนของฉันให้เป็นคนเปิดกว้างทางความคิด และตระหนักว่าผู้คนต่างมีแนวทางที่แตกต่างกัน...ทำให้ฉันยอมรับผู้คนในแบบที่พวกเขาเป็น” “ฉันเคยรู้สึกว่าเป็นคนกลุ่มน้อยแน่นอน การที่เป็นคนสองวัฒนธรรม สองเชื้อชาติ บางครั้งฉันก็สงสัยว่าที่ที่เหมาะสมกับฉันอยู่ตรงไหน” เกเบรียลเล่าถึงรัฐบ้านเกิดของเธออย่างรัฐเท็กซัส ที่มีประชากรส่วนมากเป็นชาวผิวขาว ตามด้วยชาวผิวดำ “ตอนที่ฉันเป็นเด็ก พวกเราแค่อยากเข้าสังคมได้ อยากเท่ อยากได้รับการยอมรับ และบางครั้งฉันก็รู้สึกว่าไม่ได้ถูกยอมรับเท่าไหร่” “แต่ตอนนี้ฉันเติบโตมากขึ้น ฉันอายุ 28 ปี โตเป็นตัวของตัวเองแล้ว และฉันคิดว่าสิ่งสำคัญคือการโอบรับวัฒนธรรมของคุณ ไม่ว่าคุณจะมีกี่วัฒนธรรม และไม่ว่าคุณจะมาจากที่ไหนก็ตาม” เกเบรียลกล่าว พร้อมเสริมว่า การที่ชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียอย่างเธอได้รับตำแหน่งนี้ จะช่วยส่งสารให้ผู้คนรักตนเองในแบบที่ตัวเองเป็นมากขึ้น ปัดดรามาล็อกมง – ยันสหรัฐฯ ไม่ได้เป็น “ขาใหญ่นางงาม” เพราะ ‘มงไม่ลง’ มาสิบปีแล้ว หนึ่งในดรามาที่เกเบรียลเผชิญตั้งแต่การประกวดในฐานะมิสเท็กซัส ยูเอสเอ ก็คือ กระแสวิจารณ์ทั้งจากนางงามตัวแทนรัฐอื่น ๆ ที่ร่วมประกวดในเวทีเดียวกัน และจากบุคคลภายนอก ว่าเธอชนะการประกวดมิสยูเอสเอ 2022 เพราะมีการตัดสินเข้าข้างเธอ รวมทั้งข้อกังขาถึงความสัมพันธ์ของเธอกับกลุ่มธุรกิจที่สนับสนุนการประกวด จนมีการสั่งระงับการทำงานของผู้จัดการประกวดมิสยูเอสเอเมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เพื่อทำการสืบสวนประเด็นดังกล่าว หลังจากเกเบรียลคว้ามงกุฎมิสยูนิเวิร์สมาได้ ก็มีกระแสดรามา “ล็อกมง” กลับมาอีกครั้ง จากข้อสังเกตที่ว่า บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป ของ แอน จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ นักธุรกิจชาวไทยที่เข้าซื้อบริษัท Miss Universe Organization เมื่อปลายเดือนตุลาคมนั้น เป็นเจ้าของเวทีการประกวดทั้งมิสยูนิเวิร์สและมิสยูเอสเอ เมื่อวันที่ 18 ม.ค. สื่ออเมริกันหลายสำนักรายงานว่า Miss Universe Organization ออกแถลงการณ์ปฏิเสธข่าวการ “ล็อกมง” โดย เอมี เอ็มเมอร์ริช ซีอีโอของบริษัท ระบุว่า บริษัทบัญชียักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ เป็นผู้ดูแลและรับรองผลการตัดสินครั้งนี้ และยืนยันว่า เกเบรียลเป็น “ผู้เข้าแข็งขันที่ทรงพลัง อุทิศตน” และเป็น “มิสยูนิเวิร์สอย่างชอบธรรม” ทางด้าน “แอน จักรพงษ์” ให้สัมภาษณ์กับวีโอเอไทยในประเด็นดังกล่าวว่า “พี่เป็นเจ้าของการประกวด(มิสยูเอสเอ) แต่ไม่ได้ถือสิทธิ์การจัดประกวดแล้ว เราให้สัญญากับบริษัทที่สามไป เพราะฉะนั้นเราไม่ได้จัดการประกวด นางงาม (ของมิสยูเอสเอ) ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเรา มิสยูเอสเอไม่เกี่ยวข้องกับเจเคเอ็น ไม่เกี่ยวกับ Miss Universe Organization…เราไม่ได้เข้าข้างผู้ประกวดคนไหน” “พอลลา (พอลลา ชูการ์ต ประธานของมิสยูนิเวิร์ส) ไม่เกี่ยว เอมี (ซีอีโอของมิสยูนิเวิร์ส) ไม่เกี่ยว แม่ไม่เกี่ยว เพราะถ้าเขาเกี่ยว เขาถูกไล่ออกไปแล้วสองคน ถูกไล่ออกแบบไม่ต้องพูดเลย มีสิทธิ์ไล่ออกเลย ถ้าแม่ทำนะ คนทั่วโลกไล่แม่ออกเหมือนกัน” เกเบรียลยืนยันว่า สหรัฐฯ ไม่ได้มีเอกสิทธิ์หรือเป็น “มหาอำนาจ” ในโลกนางงาม แม้บริษัทอเมริกันจะเป็นเจ้าของหรือผู้จัดประกวดมาโดยตลอดก็ตาม เนื่องจากตัวแทนจากสหรัฐฯ ไม่ได้คว้าตำแหน่งนางงามจักรวาลมาก่อนหน้านี้ 10 ปีแล้ว “ฉันรู้สึกว่าเป็นผู้ประกวดรองบ่อน หลายคนก็ไม่ได้สนใจฉัน ฉันถึงต้องพยายามพัฒนาตัวเองในทุก ๆ วัน…และหวังว่าจะนำสหรัฐฯ กลับมาเป็นผู้นำในโลกนางงามได้อีกครั้ง” เธอยอมรับกับวีโอเอไทยว่า กระแสดังกล่าว “ฉุดรั้งเธอลง” และชะลอสิ่งต่าง ๆ ลงไปมาก ในช่วงที่เธอมีเวลาเพียงสามเดือนเพื่อเตรียมประกวดมิสยูนิเวิร์ส ในขณะเดียวกันก็สวมบทบาทเป็นดีไซน์เนอร์ดูแลชุดการประกวดด้วยตัวเองด้วย “ฉันใช้เวลาเย็บออกแบบเสื้อผ้าในสตูดิโอเยอะมาก ฉันพยายามจัดการหน้าที่ต่าง ๆ และแน่นอนว่ายังต้องมองอะไรในแง่บวก แม้ในวันที่ทั้งโลกรู้สึกว่าฉันโกงตำแหน่งมิสยูเอสเอ ถึงนั่นจะไม่จริงก็ตาม” “ฉันรู้สึกกดดันมาก ฉันถามตัวเองว่าจะทำได้ไหม…จะไปประกวดมิสยูนิเวิร์สได้ไหมเพราะทุกคนต่างเข้าใจฉันผิดหมด…แล้วคำตอบคือฉันต้องเชื่อว่าตัวเองจะต้องทำให้ได้ เพราะความคิดของฉันนี่แหละที่จะเป็นตัวกำหนดการกระทำ และกำหนดทุกอย่างต่อไป” “สุดท้ายฉันก็เดินหน้าทำงานหนักต่อไป และแสดงให้โลกเห็นว่าทำไมฉันถึงคู่ควรกับตำแหน่ง” เธอกล่าวพร้อมถือมงกุฎนางงามจักรวาลในมือว่า สถานการณ์ดังกล่าวกลับเป็น “โอกาส” ที่เธอได้แสดงให้ผู้คนได้เห็นว่า เธอยังสามารถมุ่งหน้าสู่เป้าหมายสูงขึ้นไปได้เรื่อย ๆ และไม่ยอมให้อุปสรรคมาหยุดเธอ “คุณแค่ต้องเดินต่อไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม เปลี่ยนพลังลบให้เป็นพลังบวก และการคว้าตำแหน่งมิสยูนิเวิร์สก็เป็นชัยชนะอย่างที่สุดของฉันค่ะ” เบื้องหลัง “ชุดดำคว้ามงกุฏ” ส่งสารให้ผู้คนกล้าเสี่ยง - มั่นใจในแบบของตัวเอง “ฉันจะใช้ (ตำแหน่งมิสยูนิเวิร์ส) เพื่อเป็นผู้นำที่สร้างการเปลี่ยนแปลง ในฐานะดีไซน์เนอร์ที่ทำงานมา 13 ปี ฉันใช้แฟชันเป็นพลังขับเคลื่อนสิ่งที่ดี...ฉันลดมลภาวะด้วยการใช้วัสดุรีไซเคิลในการตัดเย็บเสื้อผ้า ฉันสอนเย็บผ้าให้ผู้หญิงที่เคยเป็นเหยื่อค้ามนุษย์และความรุนแรงในครัวเรือน” “ฉันกล่าวแบบนี้เพราะการลงทุนในชุมชน และการใช้พรสวรรค์ที่เป็นเอกลักษณ์เพื่อสร้างความแตกต่างนั้น ล้วนเป็นสิ่งสำคัญมาก เราทุกคนต่างมีความพิเศษในตัวเอง และเมื่อเราเพาะพันธุ์เมล็ดเหล่านั้นในผู้คนต่าง ๆ ในชีวิตเรา เราได้สร้างความเปลี่ยนแปลงให้พวกเขา และเราใช้สิ่งนั้นเป็นตัวขับเคลื่อนเพื่อการเปลี่ยนแปลง” นี่คือคำตอบของเกเบรียลในรอบตอบคำถามสามคนสุดท้าย ของการประกวดมิสยูนิเวิร์สรอบตัดสินที่เมืองนิวออร์ลีนส์ รัฐลุยเซียนา เมื่อวันที่ 14 ม.ค. ซึ่งทำให้เธอเอาชนะนางงามจากประเทศสายแข็งอย่างเวเนซุเอลาและโดมินิกันไปได้ และคว้ามงกุฎแห่งจักรวาลมาครอง     นอกจากการตอบคำถามได้ใจความในระยะเพียงครึ่งนาทีแล้ว อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้เธอคว้าสายสะพายมิสยูนิเวิร์สมาได้ ก็คือชุดราตรีลูกปัดแก้วยาวสีดำ ผลงานการออกแบบของไรอัน เฟอร์นานเดซ ดีไซน์เนอร์ชาวฟิลิปปินส์ และเพื่อนของเกเบรียลที่เธอเคยร่วมงานด้วย แม้ฉากหลังของเวทีประกวดจะเป็นสีดำ แต่ลูกปัดที่พลิ้วไหวตามทิศทางการเดินของเกเบรียลนั้นช่วยสะท้อนแสงบนเวที และเสริมเกเบรียล เจ้าของส่วนสูง 170 ซม. ซึ่งถือว่าเป็นความสูงที่ไม่มากนักบนเวทีการประกวด ให้ดูโดดเด่นท่ามกลามนางงามจากประเทศอื่น ๆ ที่ล้วนเลือกใส่ชุดราตรีโทนสีแชมเปญอ่อน เกเบรียลเล่าให้ฟังถึงเรื่องราวเบื้องหลังของชุดลูกปัดดำนี้ว่า เธอต้องการสวมชุดที่ “เข้ม แข็งแรง สนุก แปลกใหม่ และสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนกล้าเสี่ยง” “ฉันว่าผู้ชมคงรักชุดนี้หรือไม่ก็เกลียดไปเลย ฉันอยากให้ชุดนี้สื่อถึงข้อความว่า คุณสามารถไปยืนบนเวทีได้อย่างมั่นใจไม่ว่าคุณจะสวมชุดอะไรก็ตาม” มิสยูนิเวิร์ส 2022 กล่าว “ฉันคิดว่านั่นเป็นประเด็นที่ทุกคนเข้าถึงได้ ฉันคิดว่าเราทุกคนต่างมีสไตล์ที่ต่างกัน มีบุคลิกที่ต่างกัน และเราต้องไม่กลัวที่จะแสดงออกถึงความเป็นตัวเองอย่างมั่นใจ เราต้องกล้าเสี่ยงในการใช้ชีวิต” สุดท้ายเธอและทีมงานเลือกชุดให้เป็นสีดำ เนื่องจากพวกเขาเห็นว่าไม่มีผู้เข้าแข่งขันที่ชนะการประกวดขณะใส่ชุดดำมากนัก และต่อมาเธอตัดสินใจเพิ่มเฉดสีน้ำเงินบนชุดท่อนบนด้วย เพื่อรับกับมงกุฎ “Force for Good” ประจำตำแหน่งปีนี้ที่ประดับด้วยไพลินสีน้ำเงิน “ตอนที่ชุดนี้ส่งมาถึงฉันจากฟิลิปปินส์ บอกตามตรงนะคะ ตอนแรกฉันก็ไม่มั่นใจว่าจะชอบชุดนี้รึเปล่า” แกเบรียลกล่าว “แต่พอฉันมองชุดนี้ไปเรื่อย ๆ ฉันก็คิดว่า ‘นี่เป็นชุดเด่นเลย เป็นชุดที่จะมีคนพูดถึง เป็นชุดที่แตกต่างและน่าตื่นเต้น’ แล้วฉันก็ดีใจค่ะที่สุดท้ายฉันเลือกใส่ชุดนี้ในรอบตัดสิน” นอกจากนี้ อีกชุดหนึ่งที่เธอเลือกใส่ในการสัมภาษณ์ระหว่างการประกวด คือชุด “พายุอันสวยงาม” (A Beautiful Storm) ซึ่งเป็นชุดเกาะอกและกางเกงยาวสีน้ำเงินกรมท่าเพื่อสื่อถึงพายุยามเที่ยงคืน พร้อมผ้าประดับพาดไหล่หนึ่งข้างที่เธอใช้สีขาว ฟ้าหม่น และเทา ระบายมือเพื่อสื่อถึงพายุและเมฆฝน โดยเธอเลือกใส่ชุดดังกล่าวเพื่อสื่อถึงการมองถึงสิ่งต่าง ๆ ในด้านที่ดี ท่ามกลางพายุฝนที่เธอต้องการสื่อถึงอุปสรรคที่ต้องฝ่าฟัน เดินหน้าใช้แฟชันสื่อข้อความรักษ์โลก-ช่วยเหลือเหยื่อความรุนแรง เกเบรียลจบปริญญาตรีด้านแฟชันดีไซน์และวัสดุเส้นใย จากมหาวิทยาลัยนอร์ธเท็กซัส และอยู่บนเส้นทางแฟชันมาโดยตลอด เธอยังเป็นเจ้าของแบรนด์เสื้อ R’bonney Nola ที่ผลิตจากวัสดุเพื่อความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมและชูประเด็นรักษ์โลก ในฐานะผู้ที่อยู่ในวงการแฟชัน เกเบรียลตระหนักว่า อุตสาหกรรมแฟชันที่ใช้วัสดุจำนวนมากในการผลิตนั้น เป็นอุตสาหกรรมที่สร้างมลภาวะมากเป็นอันดับสองของโลก เธอจึงต้องการใช้ตำแหน่งมิสยูนิเวิร์สของเธอเพื่อส่งสารไปยังผู้คนทั่วโลกว่า วัสดุรีไซเคิลก็สามารถนำมาทำเป็น “แฟชันสุดปัง” ได้ เช่น เสื้อสีขาวฟูฟ่องที่เธอใส่ขณะถ่ายรูปที่จุดชมวิวของตึกเอมไพร์สเตท ในนครนิวยอร์ก ตามธรรมเนียมของมิสยูนิเวิร์สทุกปีนั้น ก็ทำมาจากวัสดุพลาสติกรีไซเคิลเช่นกัน นอกจากนี้ เกเบรียลยังเปิดสอนวิชาตัดเย็บให้กับผู้หญิงที่เคยเป็นเหยื่อของความรุนแรงในครัวเรือนและการค้ามนุษย์ เพื่อเน้นมอบโอกาสใหม่ ๆ ให้ผู้หญิงด้วย “ผู้หญิงมีพรสวรรค์มากนะคะ การที่เราสามารถมอบโอกาสเรียนรู้ให้กับผู้หญิงเหล่านี้ ขณะที่พวกเธอไม่สามารถเข้าถึงการศึกษาได้ ฉันมองว่านั่นคือการสร้างพลังและโอกาสให้พวกเธอไปต่อกับชีวิตได้ และเปลี่ยนสถานะการเงินของพวกเธอให้ดีขึ้น” นางงามจักรวาล 2022 กล่าว “ฉันต้องการหารือกับ Miss Universe Organization อย่างมาก และวางแผนว่า เราจะขับเคลื่อนโครงการในลักษณะนี้ทั่วโลกพร้อม ๆ ไปกับการส่งเสริมความยั่งยืนได้อย่างไร” ยัน เวทีนางงามจำเป็นกับโลกยุคใหม่ ช่วยฝึกทักษะสื่อสาร-สร้างวินัยในตนเอง ปฏิเสธไม่ได้ว่า หนึ่งในเกณฑ์ที่ใช้ในการประกวดนางงามอย่างเวทีมิสยูนิเวิร์สนั้นก็คือ “มาตรฐานความงาม” ในขณะที่กระแสของโลกยุคใหม่นั้นกลับให้ความสำคัญต่อการส่งเสริมและยอมรับความแตกต่างในสังคม แต่ถึงอย่างนั้น เจ้าของสายสะพายนางงามจักรวาลปี 2022 ผู้นี้ ยืนยันว่า การประกวดนางงามที่มีมากว่า 70 ปีนี้ “ไปต่อได้แน่นอน” กับกระแสสังคมยุคใหม่ จากมุมมองประสบการณ์ของเกเบรียล การฝึกฝนเพื่อลงแข่งในสนามนางงามช่วยพัฒนาทักษะด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะด้านการสื่อสาร ซึ่งเธอเห็นว่าเป็นทักษะที่จำเป็นมากในโลกยุคใหม่ “ทุกคนควรต้องมีทักษะการสื่อสารที่ดีค่ะ เพื่อสื่อถึงความรู้สึกภายในของเราได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยส่งสารออกไปได้ทั่วโลก” เกเบรีลยังเห็นว่า การฝึกฝนเพื่อคว้ามงกุฎยังทำให้เธอสร้างวินัยในตนเอง ตัดสิ่งรบกวนออกไป และให้ความสำคัญกับเป้าหมายใหญ่ที่อยู่ข้างหน้า “การประกวดมิสยูนิเวิร์สช่วยดึงศักยภาพของผู้หญิงออกมาได้ดีค่ะ” เธอกล่าว “ฉันอยากให้ทุกคนรู้ว่า ก่อนที่คุณจะเห็นพวกเราบนเวทีนั้น (พวกเรา)ทำงานเบื้องหลังกันมาเยอะมาก” แม้เวทีมิสยูนิเวิร์สจะเป็นการประกวดที่ใช้ความงามเป็นหนึ่งในเกณฑ์การตัดสิน แต่เธอก็ยืนยันว่า เวทีนี้เป็นโอกาสในการส่งเสริมหลากหลาย จากการที่ผู้เข้าประกวดทั้ง 80 กว่าคนจากทั่วทุกมุมโลกที่ต่างนำเสนอความหลากหลายและเอกลักษณ์ของประเทศคนในการประกวด ซึ่งเกเบรียลเห็นว่า เป็นการนำเสนอให้ผู้คนทั่วโลกเห็นถึงมุมมองที่เปิดกว้างรับความแตกต่าง เกเบรียลยอมรับว่า “นางงามอาจถูกเหมารวมนะคะว่าเป็นคนสวยแต่ไม่ฉลาด ฉันคิดว่านั่นไม่จริงเลย เพราะการฝึกฝนเพื่อเข้าประกวดมิสยูนิเวิร์สนี่เหมือนเป็นการกลับไปเรียนเพื่อเตรียมสอบอีกครั้งเลย” เผยความประทับใจต่อ “แอน จักรพงษ์ – แอนนา เสืองามเอี่ยม” เกเบรียลหวังว่า การที่แอน จักรพงษ์ เป็นหญิงข้ามเพศคนแรกที่เป็นเจ้าของเวทีมิสยูนิเวิร์ส จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้หญิงพัฒนาตนเอง ขึ้นไปสู่การเป็น “ผู้นำชีวิตของตน และเป็นผู้ควมคุมเรื่องราวในชีวิตของตนเอง” โดยเธอมีแผนหารือกับแอน จักรพงษ์ เพื่อกำหนดยุทธศาสตร์ในการ “สร้างความเปลี่ยนแปลง” ในโลกของนางงาม “เราต้องการทดลองอะไรที่สนุก น่าสนใจ และทำอะไรที่ไม่เคยทำมาก่อน” เกเบรียลกล่าว “แฟชันมีส่วนสำคัญมากเลยค่ะ แล้วฉันว่าคุณแอนเธอก็ดูสนใจมากด้วย…เธอบอกว่า ต้องการให้ฉันเป็นมิสยูนิเวิร์สที่มีความเป็นแฟชันมากที่สุด แล้วฉันก็บอกว่า ถ้าอย่างนั้นเราก็มาลงมือทำกันค่ะ” เธอยังเผยความประทับใจต่อแอนนา เสืองามเอี่ยม มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2022 ว่า เป็นคนที่ทำงานหนัก ตรงต่อเวลา และใส่ใจรายละเอียดในการเลือกเครื่องแต่งกายและการนำเสนอในสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญต่อการทำการตลาดแบรนดิ้งของตนเอง “เราทานมื้อค่ำด้วยกันครั้งหนึ่งค่ะ เธอ (แอนนา) นั่งข้างฉัน ฉันเลยได้รู้ว่าเธอชอบเต้น” เกเบรียลเล่า “ฉันคิดว่าเธอเป็นคนที่สนุกมาก ฉันนับถือเธอมาก ตอนที่ฉันไปเมืองนิวออร์ลีนส์หนึ่งสัปดาห์ก่อนหน้านั้น เธอก็ทำงานถ่ายรูปแล้ว เธอดูน่ารักตลอดเลย ฉันรักสไตล์ของเธอและหวังว่าจะได้เจอเธออีกครั้งที่ไทยค่ะ” มิสยูนิเวิร์สคนใหม่ทิ้งท้ายว่า เธอรักประเทศไทย เธอเห็นว่าคนไทยนั้น “น่าทึ่ง มีความคิดสร้างสรรค์ และมีพรสวรรค์มาก” และสัมผัสได้ถึงแรงเชียร์จากไทยที่ส่งมาถึงสหรัฐฯ โดยเกเบรียลหวังว่าจะได้เดินทางเยือนไทยในเร็ว ๆ นี้ โดยเธออาจเดินทางไปไทยหลังเดินสายพบสื่อในนครนิวยอร์ก และปฏิบัติภารกิจกับผู้สนับสนุนการประกวดที่อินโดนีเซียแล้ว (เมื่อวันที่ 28 ม.ค. อาร์บอนนีย์ เกเบรียล ได้ลาออกจากตำแหน่งมิสยูเอสเอ 2022 และส่งมอบตำแหน่งต่อให้กับมอร์แกน โรมาโน มิสนอร์ทแคโรไลนา ซึ่งเป็นรองอันดับหนึ่งของการประกวดมิสยูเอสเอ 2022 โดยไม่ได้ระบุถึงสาเหตุของการส่งมอบตำแหน่งอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม สื่อหลายสำนักตั้งข้อสังเกตว่า การลาออกของเกเบรียลมีขึ้นหลังมีข้อกล่าวหาว่า มีการ "ล็อกมง" ในการประกวดมิสยูเอสเอครั้งดังกล่าว) รายงานโดย วรรษมน อุจจรินทร์ VOA Thai - READ MORE
By
Thu, 26 Jan 2023 09:19:52 +0700
 
PREVIOUS NEXT
Tagged:
ADD COMMENT
Topic
Name
9+5 =