ไม่กี่สัปดาห์มานี้ สหรัฐฯ ยิง 4 อากาศยานไม่ระบุประเภทที่เคลื่อนผ่านน่านฟ้าอเมริกาเหนือ ทั้งดินแดนสหรัฐฯ และแคนาดา ซึ่งแม้ว่าการวิเคราะห์ซากชิ้นส่วนของอากาศยานเหล่านี้ยังอยู่ระหว่างกระบวนการตรวจสอบอยู่ แต่เรื่องนี้ได้สร้างความกังวลด้านความมั่นคงในอเมริกาเหนือรวมทั้งทำให้ความสัมพันธ์สหรัฐฯ-จีนตึงเครียดขึ้นอีก
อากาศยานทั้ง 4 มีอะไรบ้าง?
ประเด็นอากาศยานปริศนาเริ่มต้นเมื่อปลายเดือนมกราคม เมื่อบอลลูนขนาดใหญ่ของจีน ที่ทางการสหรัฐฯ เรียกว่าเป็นอากาศยานสอดแนม ลอยเหนือน่านฟ้าอเมริกันมาหลายวัน ก่อนสหรัฐฯ จะนำเครื่องบิน F-22 ยิงบอลลูนดังกล่าวตกไปนอกชายฝั่งรัฐเซาท์แคโรไลนา เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ซึ่งฝั่งจีนยืนกรานมาตลอดว่าบอลลูนนี้ใช้เพื่อการสำรวจสภาพอากาศ
ด้านกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ หรือ เพนตากอน ระบุว่าบอลลูนยักษ์นี้มีขนาดเท่ากับรถบัส 3 คัน และมีน้ำหนักมากกว่า 1 ตัน โดยมีเสาอากาศหลายต้น พร้อมแผงพลังงานแสงอาทิตย์ที่ใหญ่เพียงพอสำหรับเป็นแหล่งพลังงานของเซนเซอร์เก็บข้อมูลด้านข่าวกรอง
หลังจากนั้นในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ เครื่องบินขับไล่ของสหรัฐฯ ยิงอากาศยานไม่ระบุประเภท ที่พบทางตอนเหนือของรัฐอลาสกา ตามการเปิดเผยของกองทัพสหรัฐฯ ที่ระบุว่าอยู่ “ภายในน่านฟ้าและน่านน้ำของสหรัฐฯ” แต่วัตถุชิ้นที่สองนี้ไม่มีระบบขับเคลื่อนหรือระบบควบคุมใด ๆ เลย
ต่อมาในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ เครื่องบิน F-22 ของกองทัพสหรัฐฯ ยิง “วัตถุทางอากาศที่บินในระดับสูง” เหนือดินแดนยูคอน ในแคนาดา ซึ่งอยู่ห่างจากพรมแดนสหรัฐฯ ไป 160 กิโลเมตร โดยวัตถุดังกล่าวเป็นภัยคุกคามต่อการบินพลเรือน แคนาดาระบุว่าเป็นวัตถุทรงกระบอกและมีขนาดเล็กกว่าบอลลูนลูกแรกที่พบในน่านฟ้าสหรัฐฯ ทางรัฐมนตรีกลาโหมแคนาดายังไม่ฟันธงว่าเป็นวัตถุที่มีต้นตอมาจากจีนหรือไม่
จากนั้นเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ สั่งการให้เครื่องบินรบสหรัฐฯ ยิงวัตถุไม่ระบุประเภทเหนือทะเลสาบฮูรอน “เพื่อเป็นการระมัดระวังเป็นพิเศษ” ตามการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ระดับสูงสหรัฐฯ
วัตถุชิ้นที่ 4 นี้ถูกยิงตกเหนือทะเลสาบฮูรอน ใกล้กับพรมแดนแคนาดา เป็นวัตถุรูปแปดเหลี่ยมที่มีสายระโยงระยาง แม้จะไม่เป็นภัยคุกคามต่อภาคพื้น แต่อาจเป็นภัยต่ออากาศยานพลเรือน เนื่องจากวัตถุดังกล่าวลอยอยู่บนความสูง 6,000 เมตร ในมิชิแกน ตามการเปิดเผยของทางการสหรัฐฯ
วุฒิสมาชิกชัค ชูเมอร์ กล่าวในวันอาทิตย์ก่อนการยิงวัตถุที่ 4 ตกว่า อากาศยานที่ยิงตกเมื่อวันที่ 10 และ 11 กุมภาพันธ์ “มีขนาดเล็กกว่าบอลลูนลูกแรก” และวัตถุทั้งสองนั้นอยู่ที่ความสูง 12,200 เมตรเหนือพื้นดิน ด้านทางการสหรัฐฯ ระบุว่า วัตถุชิ้นที่ 2 และ 3 นั้น มีขนาดเท่ากับรถเต่าโฟล์คสวาเกน และมีเพียงบอลลูนลูกแรกเท่านั้นที่ยืนยันว่ามาจากจีน
ภารกิจการกู้ซากชิ้นส่วนได้อะไรมาบ้าง?
กองทัพระดมสรรพกำลังในการกู้ซากชิ้นส่วนจากบอลลูนจีน และภาพจากกองทัพเผยให้เห็นการกู้ชิ้นส่วนบอลลูนขนาดใหญ่ของหน่วยยามชายฝั่งสหรัฐฯ และทางสำนักงานสืบสวนกลาง หรือ FBI กำลังวิเคราะห์ชิ้นส่วนนี้อยู่
ส่วนปฏิบัติการกู้ชิ้นส่วนของวัตถุชิ้นที่ 2 ยังเกิดขึ้นบริเวณทะเลน้ำแข็งในเดดฮอร์ส รัฐอลาสกา ซึ่งสภาพอากาศหนาวเย็น หิมะ และช่วงกลางวันที่สั้น เป็นปัจจัยกระทบการค้นหา ตามการเปิดเผยของกองทัพสหรัฐฯ
ขณะที่ฝั่งแคนาดา ทีมกู้ภัยและกองทัพเร่งค้นหาชิ้นส่วนของวัตถุชิ้นที่ 3 ในยูคอน ตามการเปิดเผยของกระทรวงกลาโหมแคนาดา เมื่อวันเสาร์ ซึ่งทางเพนตากอน ระบุว่า ทาง FBI ทำงานอย่างใกล้ชิดกับทางตำรวจแคนาดาในเรื่องนี้
ส่วนวัตถุชิ้นล่าสุดนี้ ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับการกู้ซากออกมา ในช่วงเวลาที่รายงานข่าวนี้
เป้าหมายของอากาศยานเหล่านี้คืออะไร?
ทางการสหรัฐฯ ระบุว่า ภาพของบอลลูนลูกแรก เผยให้เห็นว่ามีอุปกรณ์การสอดแนมที่สามารถดักฟังระบบการสื่อสารได้ ทางรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ลอยด์ ออสติน ระบุว่า บอลลูนดังกล่าวมีจุดประสงค์ “เพื่อสำรวจจุดยุทธศาสตร์ต่าง ๆ ในสหรัฐฯ”
อดีตประธานคณะผู้บัญชาการเหล่าทัพร่วมของสหรัฐฯ พลเรือเอก ไมค์ มัลเลน แนะว่ารัฐบาลหรือผู้นำเหล่าทัพจีน มีเป้าหมายที่จะล้มแผนการเยือนจีนของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แอนโทนี บลิงเคน
ทางสหรัฐฯ ระบุว่า บอลลูนเป็นส่วนหนึ่งของ “กองเรือเหาะไร้คนขับ” ที่มีปฏิบัติการใน 5 ทวีป นักวิเคราะห์บางรายชี้ว่านี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการสอดแนมครั้งใหญ่ของรัฐบาลจีน ที่มุ่งเป้าสอดส่องศักยภาพด้านการทหารของต่างประเทศ ก่อนความตึงเครียดกับไต้หวันจะยกระดับขึ้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
เพื่อค้นหาว่าอากาศยานเหล่านี้มีศักยภาพอะไรบ้าง การวิเคราะห์ชิ้นส่วนที่ครอบคลุมจะต้องได้รับการเผยแพร่ออกมา จากที่ ณ ตอนนี้ยังมีคำถามมากมายที่ไร้คำตอบ ในทัศนะของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคเดโมแครต จิม ไฮมส์ ที่เปิดเผยกับรายการ Meet the Press ของสถานีโทรทัศน์ NBC
ส.ส.ไฮมส์ กล่าวว่า “ผมมีความกังวลอย่างแท้จริงว่าทำไมคณะทำงาน (ปธน.ไบเดน) ถึงไม่เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับทุกอย่างที่เกิดขึ้นมากกว่านี้ แต่ส่วนหนึ่งของปัญหานี้ก็คือว่า วัตถุชิ้นที่ 2 และ 3 ถูกยิงตกลงในพื้นที่ห่างไกล ดังนั้น การคาดเดาของผมก็คือว่ายังไม่มีข้อมูลมากพอให้เปิดเผย”
ทำไมถึงได้มีอากาศยานไม่ระบุประเภทมากมายในน่านฟ้าอเมริกาเหนือขนาดนี้?
นักวิเคราะห์ระบุว่า หน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ และแคนาดา ได้รับข้อมูลดิบมากมายมหาศาลอย่างต่อเนื่อง และตรวจสอบคัดกรองบางอย่างออกไปเพื่อมุ่งเน้นข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับภัยคุกคามด้านขีปนาวุธที่จะรุกล้ำเข้ามา แต่ไม่ใช่วัตถุที่เคลื่อนตัวอย่างช้า ๆ ดังเช่น บอลลูนแบบนี้
ส.ส.ไฮมส์ ซึ่งเป็นสมาชิกในคณะกรรมาธิการด้านข่าวกรองของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เสริมด้วยว่า “ตอนนี้ แน่นอนว่า เรากำลังเฝ้าจับตาพวกมัน ดังนั้น ผมคิดว่าเราอาจค้นพบอะไรได้มากขึ้นอีก”
ก่อนหน้าการค้นพบบอลลูนเมื่อปลายเดือนมกราคม ทางการสหรัฐฯ ระบุว่า เคยมีบอลลูน 3 ลูก เคลื่อนที่เหนือน่านฟ้าสหรัฐฯ ในยุคอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่ง ณ เวลานั้นไม่ถูกตรวจพบ และเคยพบบอลลูนมาแล้ว 1 ลูกในยุคของประธานาธิบดีโจ ไบเดน
จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา สหรัฐฯ ควรยกระดับด้านความมั่นคงของประเทศขึ้นอีก
ในทัศนะของส.ส.รีพับลิกัน ไมค์ เทิร์นเนอร์ ให้สัมภาษณ์กับซีเอ็นเอ็นว่า “เราไม่มีระบบเรดาร์ตรวจจับที่เพียงพอ เราไม่มีระบบป้องกันการโจมตีด้วยขีปนาวุธแบบผสมผสาน เราจะต้องเริ่มมองเห็นได้แล้วว่าน่านฟ้าสหรัฐฯ เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ควรได้รับการปกป้อง”
สิ่งนี้มีผลกระทบต่อความสัมพันธ์สหรัฐฯ-จีนอย่างไร?
หลังเหตุบอลลูนสอดแนมจีน สหรัฐฯ ยกเลิกแผนการเยือนจีนของรมต.บลิงเคน ที่มีเป้าหมายในการรักษาเสถียรภาพของความสัมพันธ์อันตึงเครียด และสหรัฐฯ เดินหน้าลงโทษทางเศรษฐกิจต่อองค์กรจีน 6 แห่งที่สหรัฐฯ เชื่อว่าเกี่ยวโยงกับโครงการอวกาศของจีน ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของการตอบโต้จีนเรื่องบอลลูน
ฝั่งรัฐบาลปักกิ่ง ประท้วงการที่สหรัฐฯ ยิงบอลลูนตก โดยระบุว่า เป็นปฏิกิริยาเกินกว่าเหตุ และเป็น “การละเมิดหลักปฏิบัติระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง” และจีนมีสิทธิ์ที่จะใช้มาตรการที่จำเป็นในการจัดการกับสถานการณ์เดียวกันนี้ได้
ส.ส.เจมส์ โคเมอร์ จากพรรครีพับลิกัน ให้สัมภาษณ์กับรายการ This Week ของสถานีโทรทัศน์ ABC ว่าเขาดีใจที่คณะทำงานของประธานาธิบดีไบเดน ใส่ใจในประเด็นนี้อย่างจริงจัง แต่ยังมีปัญหาที่ใหญ่กว่านี้ที่ต้องรับมือเกี่ยวกับจีน
ส.ส.โคเมอร์ ประธานฝ่ายพรรครีพับลิกันในคณะกรรมาธิการการกํากับดูแลของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ กล่าวว่า “กองทัพของพวกเขา (จีน) ยังคงเดินหน้าเติบโตและขยายขึ้นในระหว่างการพวกเขาเดินหน้าโครงการ “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” (Belt and Road Initiative) ไปทั่วโลก ในความพยายามที่จะสร้างอิทธิพลต่อเศรษฐกิจโลก”
ที่มา: วีโอเอและเอเอฟพี
- READ MORE
By thai@voanews.com (VOA, AFP)
Tue, 14 Feb 2023 05:19:25 +0700