ฟุตบอลหญิงทีมชาติสหรัฐฯ เตรียมลงสนามนัดแรกในการแข่งขันฟุตบอลโลกหญิง 2023 ในวันเสาร์นี้ โดยจะพบกับทีมชาติเวียดนาม ทีมแกร่งจากเอเชีย ท่ามกลางแรงกดดันของการคว้าแชมป์สามสมัยติดต่อกันเป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์
วแลตโก แอนโดนอฟสกี โค้ชทีมหญิงของสหรัฐฯ ได้รับการคาดหมายว่าจะสานต่อความสำเร็จของโค้ชคนก่อน จิล เอลลิส ที่พาทีมหญิงอเมริกันคว้าแชมป์โลกได้สองสมัยติดกันเมื่อปี 2015 และ 2019 ซึ่งถือเป็นแชมป์โลกสมัยที่ 4 และ 5 ของทีมลุงแซม
ทีมของโค้ชแอนโดนอฟสกีเน้นพึ่งพานักฟุตบอลรุ่นใหม่ที่ก้าวขึ้นมาแทนรุ่นพี่ที่เริ่มร่วงโรย โดยในฟุตบอลโลกที่ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ครั้งนี้ มีการเรียกนักเตะหญิงหน้าใหม่เข้ามาติดทีมถึง 14 คนด้วยกันจากทั้งหมด 23 คน
โดยในการแข่งขันโอลิมปิกฤดูร้อนที่กรุงโตเกียวเมื่อสองปีก่อนซึ่งเป็นทัวร์นาเมนต์ใหญ่รายการแรกที่แอนโดนอฟสกีคุมทีม ทีมสหรัฐฯ สามารถคว้าเหรียญทองแดงมาครองได้หลังจากพ่ายแพ้ฉิวเฉียดในรอบรองชนะเลิศทำให้พลาดการเข้าชิงเหรียญทอง
ในการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งนี้ ทีมชาติสหรัฐฯ แชมป์เก่าสองสมัยและทีมอันดับหนึ่งของโลกในขณะนี้ ถูกจัดอยู่ในกลุ่มอี กลุ่มเดียวกับทีมเนเธอร์แลนด์ รองแชมป์เก่า, ทีมโปรตุเกส และทีมเวียดนาม
บรรดาแฟนฟุตบอลอเมริกันต่างคาดหวังว่าทีมชาติของตนจะทำได้เหมือนกับนัดเปิดสนามเมื่อสี่ปีก่อน ที่สามารถถล่มนักเตะหญิงทีมชาติไทยไปถึง 13-0
อย่างไรก็ตาม โค้ชแอนโดนอฟสกีไม่คาดว่าเหตุการณ์ชนะถล่มทลายเช่นนั้นจะเกิดขึ้นอีกในครั้งนี้ เห็นได้จากการที่ทีมชาติต่าง ๆ พัฒนาขึ้นมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ตัวอย่างเช่น เจ้าภาพ นิวซีแลนด์ ที่เพิ่งพลิกล็อกชนะทีมแกร่งอย่างนอร์เวย์ ในนัดเปิดสนามเมื่อวานนี้
โค้ชทีมชาติสหรัฐฯ กล่าวว่า "เราจะไม่มองผ่านเกมแรก เรารู้ดีว่าเรามีคู่แข่งที่แข็งแกร่งรออยู่" และว่า "นี่เป็นทีมเวียดนามที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา"
ฟุตบอลโลกหญิงที่ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกที่มีทีมเข้าแข่งขัน 32 ทีม จาก 24 ทีม โดยแบ่งเป็น 8 กลุ่ม กลุ่มละ 4 ทีม จากนั้นจะมีทีมอันดับที่ 1 และ 2 ของแต่ละกลุ่มผ่านเข้ารอบไปแข่งในรอบ 16 ทีมสุดท้ายแบบแพ้ตกรอบ จนกระทั่งถึงรอบชิงชนะเลิศในวันที่ 20 สิงหาคม
โดยทีมชาติสหรัฐฯ ถูกจัดให้เป็นเต็งหนึ่งที่จะคว้าแชมป์โลก รองลงมาคือทีมชาติอังกฤษและสเปน ตามลำดับ ขณะที่เจ้าภาพ ออสเตรเลีย ถูกมองว่าเป็นม้ามืดที่มีโอกาสสอดแทรกขึ้นมาคว้าแชมป์ได้เช่นกัน
ที่มา: รอยเตอร์
- READ MORE
By thai@voanews.com (Reuters)
Sat, 22 Jul 2023 00:28:52 +0700