คลื่นความร้อนสูงปกคลุมภาคตะวันตกของสหรัฐฯ ในวันอาทิตย์ โดยระดับอุณหภูมิบริเวณทะเลทรายในรัฐแคลิฟอร์เนียพุ่งสูงถึงระดับ 53 องศาเซลเซียส (123 องศาฟาเรนไฮต์) ขณะที่ภาคตะวันออกกำลังเผชิญกับเหตุน้ำท่วมฉับพลัน ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 5 คน
โดมความร้อนขนาดใหญ่ปกคลุมเหนือหลายรัฐทางภาคตะวันตกของสหรัฐฯ และเป็นตัวการที่ทำให้เกิดฝนตกหนักทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สำนักงานสภาพอากาศแห่งชาติสหรัฐฯ คาดการณ์ว่าปรากฏการณ์นี้จะคงอยู่ต่อไปอีกหลายวัน
ที่รัฐเพนซิลเวเนีย เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมฉับพลันตั้งแต่วันเสาร์ที่เขตปกครองบักส์ เคาน์ตี้ หลังเกิดฝนตกหนัก วัดปริมาณน้ำฝนได้ 17 ซม. ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 5 คน และยังมีเด็กสูญหายสองคน อายุ 2 ขวบและ 9 เดือน
ที่รัฐนิวยอร์ก ผู้ว่าการรัฐ แคธี โฮคูล ขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการเดินทางในช่วงที่เกิดฝนตกหนัก เพราะมีความเสี่ยงที่รถยนต์จะถูกกระแสน้ำพัดพาไป รวมทั้งมีรายงานน้ำท่วมใหญ่หลายจุดที่รัฐเวอร์มอนต์
คลื่นความร้อนสูงทางตะวันตกและภาคใต้
หลายรัฐทางภาคตะวันตกและภาคใต้ของสหรัฐฯ ประกาศเตือนภัยความร้อน ตั้งแต่รัฐแคลิฟอร์เนียถึงรัฐฟลอริดา
ที่เขตทะเลทราย เดธแวลลีย์ (Death Valley) รัฐแคลิฟอร์เนีย อุณหภูมิพุ่งขึ้นไปถึงระดับ 53 องศาเซลเซียส อ้างอิงจากสำนักงานสภาพอากาศแห่งชาติสหรัฐฯ (National Weather Service)
อย่างไรก็ตาม ที่ศูนย์นักท่องเที่ยวของเฟอร์เนซครีก (Furnace Creek Visitors Center) ในเดธแวลลีย์ แสดงระดับอุณหภูมิไว้ที่ 56 องศาเซลเซียส โดยสถานที่เดียวกันนี้เคยมีระดับอุณหภูมิสูงถึง 56.7 องศาเซลเซียส เมื่อปี 1913 ซึ่งถือเป็นระดับอุณหภูมิสูงสุดบนพื้นโลกเท่าที่เคยมีการบันทึกไว้ตามข้อมูลขององค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (World Meteorological Organization)
สำนักงานสภาพอากาศแห่งชาติสหรัฐฯ พยากรณ์ว่า อุณหภูมิสูงเป็นประวัติการณ์จะเกิดขึ้นต่อเนื่องอีกหลายวันทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ มาจนถึงรัฐฟลอริดาทางภาคตะวันออกเฉียงใต้
ส่วนทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือบริเวณรัฐวอชิงตันและโอเรกอน คาดว่าจะมีอุณหภูมิที่ระดับสูงกว่า 38 องศาเซลเซียส ซึ่งถือว่าอันตรายอย่างยิ่งสำหรับพื้นที่ดังกล่าวที่บ้านเรือนจำนวนมากไม่มีเครื่องปรับอากาศเพื่อทำความเย็น
ที่มา: รอยเตอร์
- READ MORE
By thai@voanews.com (Reuters)
Mon, 17 Jul 2023 18:52:53 +0700