ขณะนี้ประเทศในยุโรปกำลังพิจารณาทางเลือกต่าง ๆ สำหรับการนำธัญพืชจากยูเครนออกมาสู่ตลาดโลก หลังจากที่รัสเซียถอนตัวจากข้อตกลงธัญพืชทะเลดำ ซึ่งเป็นเส้นทางส่งออกสินค้าสำคัญจากยูเครน นักวิชาการ โวโลดิเมียร์ ดูโบวิค ที่กำลังเยือนมหาวิทยาลัยทัฟต์ของสหรัฐฯ ในขณะนี้กล่าวว่า การถอนตัวของรัสเซียจากความตกลงดังกล่าว ทำให้ ในขณะนี้ไม่มีเรือขนส่งสินค้ายูเครนผ่านทะเลดำ เนื่องจากความกังวลว่าจะโดนทุ่นระเบิดหรือถูกโจมตีจากรัสเซีย  ภายหลังจากที่รัสเซียบุกยูเครนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีที่เเล้ว ประเทศในยุโรปเปิดช่องทางพิเศษทางบกในการช่วยให้ยูเครนสามารถนำสินค้าออกมาขายสู่ตลาดโลกได้ภายใต้โครงการ Solidarity Lanes Action Plan โครงการดังกล่าวครอบคลุมการขนส่งผ่านประเทศบัลกาเรีย ฮังการี โปแลนด์ โรมาเนีย และสโลวาเกีย  เท่าที่ผ่านมา ข้อมูลของสหภาพยุโรประบุว่า ผลิตภัณฑ์ธัญพืช เมล็ดนำ้มันพืช และสินค้าอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องปริมาณ 41 ล้านตันถูกลำเลียงออกจากยูเครนภายใต้เส้นทางของ Solidarity Lanes Action Plan อย่างไรก็ตามจำนวนดังกล่าวคิดเป็น 60% ของสินค้าธัญพืชจากยูเครน ส่วน อีก 40% ต้องผ่านทะเลดำ ดังนั้นเมื่อช่องทางทางทะเลดำเกิดปัญหา ในเวลานี้ หลายประเทศจึงพิจารณาการส่งสินค้าจากยูเครนเข้าโปแลนด์ก่อนที่จะส่งต่อไปยังท่าเรือทางทะเลของประเทศแถบทะเลบอลติก 3 ประเทศ คือลิทัวเนีย ลัตเวีย และเอสโตเนีย  ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าการใช้เส้นทางส่งสินค้าเกษตรทางบกจากยูเครนอาจเพิ่มต้นทุนสินค้าอาหารในยุโรปและส่วนต่าง ๆ ของโลก  กองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือไอเอ็มเอฟระบุว่าการที่รัสเซียถอนตัวจากข้อตกลงธัญพืชทะเลดำ อาจทำให้ราคาธัญพืชโลกเพิ่มขึ้น 10%-15% และจะประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด อีกเส้นทางหนึ่งคือผ่านประเทศเเถบบอลข่าน เช่นโครเอเชียและมอนเตเนโกร แม้ว่าตัวเลือกเหล่านี้ เคยถูกหยิบมาพิจารณาและอาจใช้จริงไปบ้างเเล้ว เเต่หากถูกนำมาทดแทนช่องทางทะเลดำทั้งหมดอาจเกิดปัญหาตามมา มิโคลา กอร์บาชอฟ ประธานสมาคมธัญพืชยูเครนกล่าวว่าโครงสร้างพื้นฐานของยุโรปไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อรับสินค้าธัญพืชทั้งหมดของการส่งออกจากยูเครน ขณะเดียวกัน ลิโอนิด โคซาเชนโก ประธานสมาพันธ์การเกษตรแห่งยูครนกล่าวว่ากับวีโอเอว่าพันธมิตรในยูโรปอาจต้องลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์เพื่อเพิ่มความพร้อมด้านระบบขนส่งสินค้าออกจากยูเครน แต่เขาหวังว่าสงครามน่าจะจบลงโดยเร็ว และเส้นทางทางเลือกเหล่านี้อาจไม่จำเป็นอีกต่อไป ที่มา: วีโอเอ - READ MORE

By thai@voanews.com (VOA)

Sat, 29 Jul 2023 02:24:03 +0700