เศรษฐา ทวีสิน อดีตประธานอำนวยการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ของแสนสิริ หนึ่งในบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดของไทย ได้รับเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่โดยรัฐสภาไทยเมื่อวันอังคาร เศรษฐาวัย 61 ปี  เตรียมเป็นผู้นำรัฐบาล “สลายขั้ว” ที่ประกอบด้วยทั้งพรรคการเมืองสายประชานิยมและพรรคสายทหาร หลังมีความพยายามจัดตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้งมากว่าสามเดือน เขาคว้าเสียงข้างมากในรัฐสภามาได้ไม่กี่ชั่วโมงหลังทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และผู้ร่วมก่อตั้งพรรคไทยรักไทย เดินทางกลับไทยหลังอาศัยอยู่ในต่างประเทศมา 15 ปี โดยเขาถูกควบคุมตัวขึ้นศาลฎีกาและไปยังเรือนจำทันทีหลังถึงไทย “สวัสดีครับผมเศรษฐา ทวีสิน รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับเลือกเป็นนายกฯ คนที่ 30 ของประเทศไทย ผมอยากขอบคุณคนไทยทุกคน พรรคร่วมรัฐบาล และสมาชิกรัฐสภาทุกท่าน ผมจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ลืมความเหน็ดเหนื่อยเพื่อยกระดับความเป็นอยู่ของคนไทยทุกคนครับ” เศรษฐากล่าวหลังทราบผลการลงคะแนนเลือกนายกฯ โดยไม่ตอบคำถามจากสื่อมวลชน การลงคะแนนเลือกนายกฯ ครั้งที่สามเมื่อวันอังคารนี้ เศรษฐาได้รับเสียงสนับสนุนจากสมาชิกรัฐสภาสายทหารที่เคยออกเสียงไม่เห็นชอบหรืองดออกเสียงเพื่อสนับสนุนพรรคก้าวไกลที่เป็นพรรคอันดับหนึ่งในการเลือกตั้ง จนพรรคก้าวไกลไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นพรรคอันดับสองในการเลือกตั้ง ทำข้อตกลงกับศัตรูเก่าทางการเมืองอย่างพรรคสายทหาร จนจัดตั้งรัฐบาลและผลักดันแคนดิเดทนายกฯ อย่างเศรษฐาจนสำเร็จ ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยเน้นชูจุดขายของเศรษฐาในด้านประสบการณ์ทางธุรกิจ และความสามารถในการบริหารเศรษฐกิจยุคหลังโควิด แม้เขาจะไม่มีประสบการณ์ด้านบริหารการเมืองมาก่อนก็ตาม สำหรับประวัติของเศรษฐานั้น เขามาจากตระกูลที่มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับชนชั้นนำทางธุรกิจ และเริ่มทำงานที่บริษัทพรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล หลังจบการศึกษาด้านเศรษฐศาสตร์และการบริหารจากสหรัฐฯ ในปี 2533 เศรษฐาและลูกพี่ลูกน้องของเขาร่วมก่อตั้งบริษัทแสนสิริ ซึ่งต่อมาเป็นหนึ่งในบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดของไทย โดยเมื่อปี 2565 แสนสิริมีรายได้ 34,900 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 4,200 ล้านบาท เมื่อวันอังคาร หุ้นของแสนสิริพุ่งขึ้นกว่า 8% เป็นการเพิ่มขึ้นที่สูงที่สุดในรอบเกือบเจ็ดเดือน อย่างไรก็ตาม เศรษฐาเผชิญข้อกล่าวหาจากชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ว่าเขาซื้อขายที่ดินโดยมิชอบขณะยังดำรงตำแหน่งในแสนสิริ ซึ่งทั้งบริษัทแสนสิริและเศรษฐาปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว นายกฯ คนนอก (การเมือง) เศรษฐา ซึ่งเป็นแฟนบอลลิเวอร์พูล คนรักสุนัข และเจ้าของส่วนสูง 192 เซนติเมตรนี้ กำลังเบนเข็มจากผู้นำธุรกิจมาสู่การเป็นผู้นำประเทศของไทย คล้ายกับทักษิณที่เคยสร้างอาณาจักโทรคมนาคมมาก่อนมาเป็น “นายกฯ ซีอีโอ” ทักษิณถูกรัฐประหารโค่นอำนาจเมื่อปี 2549 ขณะที่ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวของทักษิณและอดีตนายกฯ อีกราย ก็ถูกรัฐประหารในปี 2557 เช่นกัน นักวิเคราะห์และผู้ที่รู้จักกับเศรษฐากล่าวว่า การเป็นมือใหม่ทางการเมืองนั้นอาจเป็นดาบสองคมสำหรับเขา โดยสมาชิกร่วมพรรคและหุ้นส่วนทางธุรกิจสองรายของเศรษฐาเห็นว่า เขาเป็นคนตรงไปตรงมา ไม่ได้ปรับตนเป็นนักการเมืองเท่าใดนัก ทำให้นักการเมืองอาจกังวลว่า พวกเขาอาจไม่สามารถควบคุมหรือมีอิทธิพลต่อเศรษฐาได้ อย่างไรก็ตาม ความเป็นหน้าใหม่ทางการเมืองของเศรษฐาก็ทำให้เขาขาดฐานการเมืองสนับสนุนทั้งจากภายในพรรคและจากมวลชน ตามมาด้วยคำถามว่า เศรษฐาจะเป็นตัวของตัวเองได้มากแค่ไหน โดยเฉพาะเมื่อทักษิณกลับมาไทยแล้ว ฐิติพล ภักดีวานิช คณบดีคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ให้ความเห็นว่า เศรษฐาเป็นคนนอกทางการเมือง โดยคอนเนคชันและประสบการณ์ด้านธุรกิจอาจช่วยในการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจของเขา แต่ก็ยังมีคำถามว่า เขาจะเป็นอิสระจากทักษิณได้มากน้อยเพียงใด ที่มา: รอยเตอร์ - READ MORE

By thai@voanews.com (Reuters)

Wed, 23 Aug 2023 07:48:55 +0700