เลขาธิการใหญ่องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เรียกร้องให้รัสเซียกลับคืนสู่ข้อตกลงทะเลดำ เพื่อเปิดทางให้การส่งออกจากธัญพืชจากยูเครนกลับมาดำเนินการอย่างปลอดภัยได้อีกครั้ง
ในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์เปิดการประชุมว่าด้วยอาหารที่กรุงโรมในวันจันทร์ อันโตนิโอ กูเทอเรซ เลขาธิการใหญ่ยูเอ็น กล่าวว่า ประชาชนทั่วโลกที่อยู่ในภาวะหิวโหยจะเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด หากข้อตกลงดังกล่าวไม่ได้กลับมามีผลบังคับใช้ โดยระบุว่า “ผู้ที่เปราะบางที่สุดจะเป็นผู้ที่ต้องจ่ายด้วยราคาแพงที่สุด”
ข้อตกลงซึ่งยูเอ็นและตุรกีเป็นคนกลางช่วยประสานงานเจรจานี้ช่วยให้ยูเครนสามารถส่งธัญพืชของตนไปยังประเทศกำลังพัฒนาต่าง ๆ โดยเฉพาะในแอฟริกาและตะวันออกกลาง ในช่วงที่รัสเซียเดินหน้ารุกรานประเทศเพื่อนบ้านของตนอยู่ โดยหลังข้อตกลงนี้หมดอายุลงเมื่อวันจันทร์ที่แล้ว ราคาข้าวสาลีปรับขึ้นมาแล้วถึง 14% และราคาข้าวโพดก็สูงขึ้นกว่า 10% ด้วย
และในช่วงเช้าของวันจันทร์ มีรายงานข่าวว่า รัสเซียทำการโจมตีทางอากาศเข้าใส่โกดังเก็บธัญพืชของยูเครนที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำดานูบ ซึ่งกระทบต่อตัวเลือกเส้นทางเดินเรือสำหรับการส่งออกธัญพืชยูเครนและทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 7 คน ทั้งยังทำให้เรือเกือบ 30 ลำต้องติดฝั่งไม่สามารถออกเดินทางได้
โอเลห์ ไคเปอร์ ผู้ว่าการเขตปกครองโอเดสซา ระบุระหว่างให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ของยูเครนว่า “รัสเซียพยายามที่จะปิดกันการส่งออกธัญพืชของเราทั้งหมดและทำให้โลกทั้งโลกอดอยาก” ขณะที่ ดมีโทร คูเลบา รัฐมนตรีต่างประเทศยูเครน กล่าวหารัสเซียว่า พยายามต่อรองหาประโยชน์ให้ตนเอง “ด้วยการจับคน 400 ล้านคนเป็นตัวประกัน” และเรียกร้องให้ “มีการสามัคคีตอบโต้จากทั่วโลกต่อการก่อการร้ายด้านอาหารด้วย”
ทั้งนี้ แม่น้ำดานูบถือเป็นเส้นทางทางเลือกหลักสำหรับการส่งออกของกรุงเคียฟ นับตั้งแต่รัสเซียถอนตัวออกจากข้อตกลงทะเลดำ
และในวันจันทร์เช่นกัน สหภาพผู้ค้าธัญพืชของยูเครน ซึ่งมีชื่อย่อว่า UGA เรียกร้องให้สหภาพยุโรป (อียู) ให้เพิ่มสมรรถนะของช่องทางการขนส่งพิเศษที่เปิดไว้ให้ยูเครนส่งออกธัญพืชและผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรอื่น ๆ ด้วยการเปิดเส้นทางทางเลือกอื่น ๆ ทั้งทางราง ทางบก และทางน้ำที่ไม่ใช่ทะเลหรือมหาสมุทร หลังข้อตกลงทะเลดำหมดอายุไป
UGA ระบุว่า “จุดนี้จะนำไปสู่การลดลงอย่างมีนัยสำคัญของต้นทุนการขนส่งธัญพืช และจะทำให้เกษตรกรชาวยูเครนสามารถส่งออกธัญพืชส่วนที่เกิน(จากการบริโภค) โดยปราศจากการสูญเสียใด ๆ ให้กับประเทศที่ต้องการธัญพืชยูเครนและเพื่อสร้างเสถียรภาพให้กับความมั่นคงทางอาหารโลกด้วย”
อย่างไรก็ดี ประเทศยุโรปตอนกลาง 5 ประเทศต้องการให้อียูยืดอายุการสั่งห้ามการนำเข้าผลิตภัณฑ์จากยูเครนออกไปจากกำหนดเดิมที่จะสิ้นสุดลงในวันที่ 15 กันยายน โดยอ้างว่า ผลิตภัณฑ์เหล่านั้นส่งผลเสียให้กับเกษตรกรของตน ขณะที่ ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ของยูเครน ระบุว่า ข้อเรียกร้องดังกล่าวเป็นเรื่องที่ “ยอมรับไม่ได้”
ที่มา: เอพี เอเอฟพีและรอยเตอร์
- READ MORE
By thai@voanews.com (VOA)
Tue, 25 Jul 2023 03:51:17 +0700