การประหยัดพลังงานในบ้าน

การประหยัดพลังงานในบ้าน

  1. ออกแบบบ้านและหันทิศทางของบ้านให้เหมาะสม
    เลือกซื้อบ้านหรือออกแบบบ้านที่มีลักษณะโปร่ง อากาศถ่ายเทได้สะดวก มีการระบายความร้อนได้ดี สำหรับทิศทางของบ้านควรหันหน้าไปในแนว ทิศเหนือ – ใต้ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้แสงอาทิตย์เข้าสู่ช่องเปิดของอาคารโดยตรง หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ควรใช้อุปกรณ์บังแดด เช่น ติดตั้งกันสาด หรือปลูกต้นไม้ช่วย และ สร้างบ้านด้วยวัสดุที่เป็นฉนวนกันความร้อนได้ดี ตั้งแต่หลังคาจนถึง กรอบผนัง

    2. ปลูกต้นไม้เพื่อให้ร่มเงาแก่ตัวบ้าน
    จะช่วยลดการใช้ไฟฟ้าเพื่อปรับอากาศและถ่ายเทอากาศ3. เลือกซื้อแต่อุปกรณ์ที่ประหยัดพลังงาน
    เช่น เลือกซื้ออุปกรณ์ที่มีฉลากเบอร์ 5 เป็นต้น


    4.
    ใช้น้ำอย่างประหยัด
    น้ำประปาที่เราใช้มาจากแหล่งน้ำธรรมชาติ แต่ผ่านกระบวนการกรองและ ฆ่าเชื้อจนสะอาดและบริโภคได้ ซึ่งต้องอาศัยพลังงานในกระบวนการเหล่านั้น ดังนั้น การใช้น้ำอย่างประหยัดจึงเป็นการประหยัดพลังงานด้วย

  • ใช้หัวก็อกที่มีตัวลดอัตราการไหลของน้ำให้อ่อนลง
  • ปิดก็อกน้ำในระหว่างแปรงฟัน สระผม หรือโกนหนวด
  • ใช้ไม้กวาดในการกวาดพื้นแทนการใช้น้ำฉีดเพื่อทำความสะอาด
  • ล้างรถด้วยน้ำถังและฟองน้ำ แทนการใช้สายยางฉีดน้ำ
  • ใช้น้ำจากการซักล้าง หรือถูพื้น เพื่อรดน้ำต้นไม้แทนการใช้น้ำประปา โดยตรง

    5. การใช้เตาก๊าซ
  • ควรเลือกใช้ถังก๊าซที่มีเครื่องหมายสำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรม (มอก.)
  • ควรใช้สายยางหรือสายพลาสติกชนิดยาว และมีความยาว 1-1.5 เมตร
  • ตั้งเตาก๊าซให้ห่างถังก๊าซประมาณ 1-1.5 เมตร
  • ปิดวาล์วที่หัวเตาและหัวปรับความดันเมื่อเลิกใช้

    6.การใช้เตาถ่าน

  • ควรเลือกใช้เตาถ่านชนิดที่มีประสิทธิภาพสูง
  • เตรียมอาหารสด เครื่องปรุง และอุปกรณ์การทำอาหารให้พร้อมก่อนติดไฟ ไม่ควร ติดไฟรอนานเกินไปจะสิ้นเปลืองถ่าน
  • เลือกขนาดของหม้อหรือกะทะให้เหมาะสมกับปริมาณอาหารที่จะปรุง รวมทั้ง ประเภทของอาหารที่จะปรุง
  • ควรทุบถ่านให้มีขนาดพอเหมาะคือ ประมาณชิ้นละ 2-4 ซม.
  • ไม่ควรใช้ถ่านมากจนล้นเตา
  • อย่าใช้ถ่านที่เปียกชื้น จะติดไฟยากและสิ้นเปลือง
  • ขจัดขี้เถ้าในรังผึ้งออกให้หมดก่อนที่จะติดไฟทุกครั้งจะได้เผาไหม้ถ่านได้ดี

    7. การใช้หลอดแสงสว่าง
  • ปิดไฟเมื่อไม่ใช้งาน
  • หมั่นทำความสะอาดหลอดแสงสว่างและโคมไฟ
  • ใช้แสงสว่างเท่าที่จำเป็น ในกรณีที่ต้องใช้กับสถานที่ที่ต้องเปิดไฟทิ้งไว้ตลอดคืน ควรใช้หลอดคอมแพคฟลูออเรสเซนต์
  • บริเวณใดที่เคยใช้หลอดไส้ ควรหันมาเปลี่ยนเป็นหลอดคอมแพคฟลูออเรสเซนต์
  • ใช้หลอดประหยัดพลังงาน เช่น หลอดผอม (หลอดฟลูออเรสเซนต์) ซึ่ง ประหยัดพลังงานมากกว่าหลอดไส้ 4-5 เท่า และมีอายุการใช้งานนานกว่าหลอด ไส้ 8 เท่า
  • ใช้แสงธรรมชาติแทนการเปิดหลอดแสงสว่าง เช่น ห้องครัว ห้องเก็บของ ห้องน้ำ ทางเดิน เป็นต้น
  • ควรทาสีผนังหรือเลือกวัสดุพื้นห้องที่เป็นสีอ่อนๆเพื่อช่วยสะท้อนแสงสว่างภายในห้อง

    8.
    การใช้ตู้เย็น
  • เลือกใช้ตูเย็นที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5
  • เลือกใช้แบบที่มีฉนวนกันความร้อนชนิดโฟมฉีด
  • ตู้เย็นแบบประตูเดียว จะใช้ไฟฟ้าน้อยกว่าแบบ 2 ประตู ในขนาดที่เท่ากัน
  • ใช้ขนาดให้เหมาะสมกับครอบครัว เช่น ครอบครัวขนาด 3-4 คน ควรใช้ตู้เย็น ขนาด4.5-6 คิว ท ควรตั้งให้ห่างจากฝาผนังไม่น้อยกว่า 15 ซม. และมีอากาศถ่ายเทได้ดี
  • ตั้งสวิตช์ควบคุมอุณหภูมิให้เหมาะสม เพราะยิ่งตั้งอุณหภูมิให้เย็นมาก ก็ยิ่งสิ้น
    เปลืองไฟฟ้ามาก
  • อย่าเปิดตู้เย็นบ่อยหรือเปิดไว้นานๆ
  • อย่านำของที่ยังมีความร้อนเข้าไปแช่
  • ละลายน้ำแข็งอย่างสม่ำเสมอ
  • หมั่นทำความสะอาดแผงความร้อนที่อยู่ด้านหลังของตู้เย็น

    9.
    การใช้เครื่องปรับอากาศ
  • เลือกขนาดที่เหมาะสม ตัวอย่างเช่น ห้องที่มีความสูงไม่เกิน 3 เมตร และมีพื้นที่ ห้องขนาด 13-15 ต.ร.ม. ควรใช้ขนาด 7,000-9,000 บีทียู/ชั่วโมง ขนาดพื้นที่ 16-17 ต.ร.ม. ควรใช้ขนาด 9,000-11,000 บีทียู/ชั่วโมง เป็นต้น
  • ใช้เครื่องปรับอากาศที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดซึ่งแสดงด้วย EER (Energy Efficiency Ratio) คือ อัตราส่วนระหว่างความสามารถในการให้ความเย็น ของเครื่อง (บีทียู/ชั่วโมง) ต่อกำลังไฟฟ้า (วัตต์) ซื้อเครื่องที่มีค่า EERสูงซึ่ง จะให้ความเย็นมากแต่เสียค่าใช้จ่ายไฟฟ้าน้อยกว่าเครื่องที่มีค่า EER ต่ำ
  • ตั้งปุ่มปรับอุณหภูมิให้เหมาะสม อย่าปรับอุณหภูมิให้ต่ำเกินไป โดยปกติ ควรตั้งที่อุณหภูมิ 25C
  • หมั่นทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศไม่ให้มีฝุ่นจับ เพราะจะทำให้ ประสิทธิภาพการทำความเย็นลดลง
  • เลือกใช้เครื่องปรับอากาศที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5

    10. การใช้เครื่องทำน้ำอุ่นสำหรับอาบน้ำ
  • ควรเลือกชนิดที่มีที่กักเก็บตุนน้ำร้อน เพราะจะใช้ไฟฟ้าน้อยกว่าแบบน้ำไหลผ่านขด ลวดความร้อน
  • เลือกขนาดของเครื่องให้เหมาะสมกับครอบครัว เนื่องจากเป็นเครื่องที่ใช้ไฟฟ้ามาก
  • ไม่ควรเปิดเครื่องตลอเวลา โดยเฉพาะในเวลาถูสบู่ในขณะอาบน้ำ
  • ปิดวาล์วและสวิตช์ทันทีเมื่อเลิกใช้งาน

    11. การใช้กระติกน้ำร้อนไฟฟ้าหรือกาต้มน้ำไฟฟ้า
  • ใส่น้ำให้พอเหมาะและถ้าต้มน้ำต่อเนื่องควรมีน้ำบรรจุอยู่เสมอ
  • เมื่อเลิกใช้ควรถอดปลั๊กทันที โดยเฉพาะ
    – เมื่อน้ำเดือด
    – เมื่อไม่มีคนอยู่ เพราะนอกจากจะไม่ประหยัดพลังงานแล้วยังอาจทำให้เกิด อันตรายได้

    12. การใช้เตาไฟฟ้าและเตาอบ
  • ควรเตรียมเครื่องประกอบอาหารให้พร้อมรวมทั้งจัดลำดับการปรุงอาหาร
  • ไม่ควรเปิดเตาไฟฟ้ารอไว้นานเกินไป
  • ใช้ภาชนะประกอบอาหารให้เหมาะสม
    – ภาชนะควรมีก้นแบนราบ จะได้สัมผัสความร้อนได้ทั่วถึง
    – ภาชนะไม่ควรมีขนาดเล็กกว่าเตา จะสูญเสียพลังงานโดยเปล่าประโยชน์
    – ภาชนะควรมีฝาครอบปิดขณะหุง จะช่วยให้อาหารสุกเร็วขึ้น
  • ปิดสวิตช์เตาไฟฟ้าก่อนเสร็จสิ้นการทำอาหาร ดึงปลั๊กออกทันทีเมื่อเลิกใช้
  • ควรเตรียมอาหารที่จะอบหลายๆ อย่างให้พร้อมกันในเวลาเดียวกัน
  • อย่าเปิดเตาอบบ่อยๆ เพราะการเปิดประตูแต่ละครั้งจะสูญเสียพลังงาน ประมาณร้อยละ 20

    13. การใช้เตารีดไฟฟ้า
  • ควรตั้งอุณหภูมิ (ความร้อน) ให้เหมาะสมกับชนิดผ้าและแบ่งผ้าชนิดเดียวกันไว้ด้วย กัน เพื่อหลีกเลี่ยงการปรับเปลี่ยนการตั้งอุณหภูมิบ่อยครั้ง
  • ควรรวบรวมผ้าไว้รีดคราวละมากๆ และพรมน้ำให้หมดทุกตัว ก่อนจะรีดผ้า
  • อย่าพรมน้ำจนเปียก เพราะจะทำให้ต้องรีดผ้านานกว่าเดิมสิ้นเปลืองไฟฟ้า
  • ก่อนรีดผ้าเสร็จควรดึงปลั๊กก่อน เนื่องจากยังมีความร้อนเหลืออยู่พอที่จะรีดต่อไปได้
  • เวลาตากผ้าควรจัดรูปทรงผ้าและดึงให้ตึง เพื่อให้เสื้อผ้ายับน้อยที่สุด จะทำให้รีดง่าย และประหยัดไฟฟ้า

    14. การใช้หม้อหุงข้าวไฟฟ้าอัตโนมัติ
  • เลือกใช้ขนาดที่เหมาะสมกับครอบครัว
  • ไม่ควรใช้เวลาในการอุ่นข้าวให้นานเกินควร ถอดปลั๊กออกทันทีที่เลิก ใช้งาน

    15. การใช้โทรทัศน์

  • โทรทัศน์ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นจะทำให้เสียค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้น
  • โทรทัศน์ที่มีระบบรีโมทคอนโทรลจะใช้ไฟฟ้ามากกว่าระบบทั่วไปในขนาดเดียวกัน เพราะมีวงจรเพิ่มและใช้ไฟฟ้าตลอดเวลาแม้ว่าจะไม่ใช้เครื่อง
  • ไม่ควรเสียบปลั๊กทิ้งไว้ ถ้าเสียบปลั๊กทิ้งไว้จะใช้ไฟฟ้าตลอดเวลา
  • โทรทัศน์ขาวดำจะใช้ไฟฟ้าน้อยกว่าโทรทัศน์สี
  • ปิดเมื่อไม่มีคนดู
  • ควรตั้งเวลาปิดโทรทัศน์โดยอัตโนมัติ สำหรับเครื่องที่มีระบบตั้งเวลาปิด เพราะ จะช่วยประหยัดไฟสำหรับผู้ที่มักจะนอนไม่หลับหน้าโทรทัศน์หรือลืมปิดเครื่อง

    16. การใช้เครื่องซักผ้า
  • แช่ผ้าก่อนเขาเครื่อง ทำให้ง่ายต่อการซักผ้า
  • ผ้าที่ซักให้เป็นไปตามพิกัดของเครื่อง อย่าใส่ผ้ามากเกินกำลังของเครื่อง หรือซักจำนวนน้อยเกินไป
  • ไม่ควรใช้เครื่องซักผ้าแบบที่มีเครื่องอบแห้งด้วยไฟฟ้าในตัว เพราะสิ้นเปลืองไฟฟ้า มาก ควรตากผ้ากับแสงแดด หรือในที่มีลมโกรก

    17. การใช้เครื่องสูบน้ำ
  • ควรเลือกซื้อเครื่องสูบที่ถังความดันของเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่พอสมควร ถ้าเล็ก เกินไป สวิตช์อัตโนมัติจะทำงานบ่อยขึ้น มอเตอร์ทำงานมากขึ้นสิ้นเปลืองไฟฟ้า
  • ควรสร้างบ่อพักน้ำไว้ระดับพื้นดิน
  • หมั่นดูแลท่อน้ำประปา และถังพักน้ำของชักโครก อย่าให้ชำรุดหรือรั่ว เพราะจะทำ ให้เครื่องสูบน้ำทำงานบ่อย สิ้นเปลืองไฟฟ้า
  • ควรบำรุงรักษาเครื่องให้ดีอยู่เสมอ