|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
หน้าหลัก | บทที่ 1 | บทที่ 2 | บทที่ 3 | บทที่ 4 | บทที่ 5 | บทที่ 6 | บทที่ 7 | บทที่ 8 | บทที่ 9 | บทที่ 10 | บทที่ 11 | บทที่ 12 | บทที่ 13 | บทที่ 14 | บทที่ 15 | |
บทที่ 10 การหมุน
บทที่ผ่านมาจะกล่าวถึงจลศาสตร์ แรง พลังงาน และโมเมนตัม ซึ่งจะอธิบายเกี่ยวกับกฎพื้นฐานของการเคลื่อนที่ และกฎการอนุรักษ์ ซึ่งจะพิจารณาเฉพาะวัตถุที่เคลื่อนที่ในแนวเส้นตรงเท่านั้น แต่ในนความเป็นจริงการหมุนก็เป็นการเคลื่อนที่อีกแบบหนึ่ง ซึ่งในบทนี้และบทต่อไปจะอธิบายเกี่ยวกับการหมุน
เนื้อหาประกอบด้วย
10.1 นิยามการหมุน 10.2 จลศาสตร์การหมุน
10.3 กฎการหมุน 10.4 ทฤษฎีแกนตั้งฉากและทฤษฎีแกนขนาน
10.5 รัศมีไจเรชั่น 10.6 การประยุกต์ใช้กฎการหมุน
10.7 พลังงานจลน์ในการหมุน
10.1 นิยามการหมุน
ก. ข.
รูปที่ 10.1
เปรียบเทียบความคล้ายคลึงระหว่างการเคลื่อนที่เชิงเส้นกับการเคลื่อนที่เชิงมุม โดยพิจารณาดังรูปที่ 10.1 ก. และ ข.
การเคลื่อนที่เชิงเส้น |
การเคลื่อนที่เชิงมุม |
ตำแหน่ง : จะบอกด้วยระยะทางซึ่งวัดจากแกนอ้างอิงมุมฉากถึงตำแหน่งที่วัตถุอยู่ |
มุม : จะบอกด้วยมุมซึ่งวัดจากแกนอ้างอิงมุมฉากถึงตำแหน่งที่วัตถุอยู่ |
การกระจัดชิงเส้น : การเปลี่ยนแปลงตำแหน่ง |
การกระจัดเชิงมุม : การเปลี่ยนแปลงมุม |
ความเร็ว : การกระจัดที่เปลี่ยนไป |
ความเร็วเชิงมุม : การกระจัดเชิงมุมที่เปลี่ยนไป |
ความเร่ง : การเปลี่ยนแปลงความเร็ว |
ความเร่งเชิงมุม : การเปลี่ยนแปลงความเร็วเชิงมุม |
เปรียบเทียบความสัมพันธ์ระหว่างการเคลื่อนที่เชิงเส้นกับการเคลื่อนที่เชิงมุมในรูปของสมการทางคณิตศาสตร์
การเคลื่อนที่เชิงเส้น |
การเคลื่อนที่เชิงมุม |
ความสัมพันธ์ |
ตำแหน่ง : |
มุม : |
|
การกระจัด : |
การกระจัดเชิงมุม : |
|
ความเร็ว : |
ความเร็วเชิงมุม : |
|
ความเร่ง : |
ความเร่งเชิงมุม : |
|
ตัวอย่างที่ 10.1 แผ่น CD มีเส้นผ่าศูนย์กลาง วางอยู่บนแป้นหมุนซึ่งอยู่นิ่ง เมื่อกดให้สวิทซ์ทำให้แผ่น CD หมุนด้วยความเร็ว 200 rpm ภายในเวลา จงหา
ก. ความเร่งเชิงมุมเฉลี่ย
ข. ถ้าแผ่น CD มีความเร็วลดลงเหลือ 100 rpm จงหาความเร่งเชิงเส้น
วิธีทำ เปลี่ยนความเร็วเชิงมุมจากหน่วย rpm (รอบต่อนาที) ให้เป็นหน่วย rad/s
=
=
=
=
ก. จากสมการ
= = =
=
=
ข. จากความสัมพันธ์ระหว่างความเร่งเชิงมุมกับความเร่งในแนวเส้นสัมผัส
= =
=
ค. จากความสัมพันธ์ระหว่างความเร็วเชิงมุมกับความเร่งเข้าสู่ศูนย์กลาง
= =
=
พิจารณารูปที่ 10.2 จะได้ความเร่งเชิงเส้นของแผ่น CD คือ
=
=
=
รูปที่ 10.2
10.2 จลศาสตร์การหมุน
การเคลื่อนที่เชิงเส้นของวัตถุด้วยความเร่ง คงที่ สมการเหล่านี้ได้มาจากการ integrate ชุดสมการจลศาสตร์ดังนี้
เมื่อพิจารณาสัญลักษณ์ที่ใช้แทนการเคลื่อนที่เชิงเส้นและเชิงมุมเช่น กับ ; กับ เป็นต้น มาเปรียบเทียบกับสมการการเคลื่อนที่เชิงเส้นเมื่อ คงที่ เราจะได้สมการการเคลื่อนที่เชิงมุมของวัตถุเมื่อ คงที่ดังนี้
การใช้สมการการเคลื่อนที่เชิงเส้นใช้ได้เมื่อ คงที่ ในทำนองเดียวกับสมการการหมุนใช้ได้เมื่อ คงที่
ตัวอย่างที่ 10.2 จากตัวอย่างที่ 10.1 จงหา
ก. แผ่น CD หมุนได้กี่รอบจึงจะหยุดหมุน
ข. ระยะทางเชิงเส้นที่แผ่น CD เคลื่อนที่ได้ก่อนที่จะหยุดหมุน
วิธีทำ ก. จาก =
จากตัวอย่างที่ 10.1 เมื่อ ; ; ; ; ;
=
=
=
=
ข. =
=
=
10.3 การหมุน
กฎการเคลื่อนที่ของนิวตันใช้ได้ดีกับการเคลื่อนที่ของวัตถุ ทำนองเดียวกันเราใช้กฎการเคลื่อนที่ของนิวตันกับการหมุนด้วย
กฎข้อที่หนึ่งของนิวตันสำหรับการหมุน
วัตถุทุกชนิดจะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วเชิงมุมคงที่
นอกจากมี แรง ทอร์ดมากระทำต่อวัตถุนั้น
ล้อรถจักรยานจะไม่สามารถเคลื่อนที่ได้นอกจากมีแรงภายนอกมากระทำ บางแรงทำให้ล้อหมุนแต่บางแรงไม่มีผลต่อการหมุน
ทอร์คคืออะไรและต่างจากแรงอย่างไร
รูปที่ 10.3 รูปที่ 10.4
พิจารณารูปที่ 10.3 จะสังเกตุเห็นว่าแนวแรงที่กระทำต่อไม้เมตรผ่านจุดหมุน (pivot) กรณีนี้จะไม่เกิดการหมุน แต่ถ้าแนวแรงที่กระทำต่อไม้เมตรไม่ผ่านจุดหมุน กรณีนี้จะเกิดการหมุน นอกจากนี้แรงที่กระทำต่อไม้เมตรสามารถแยกออกเป็นองค์ประกอบย่อยเป็นแรงที่ตั้งฉากกับไม้เมตรและแรงที่ชนานกับไม้เมตรดังรูปที่ 10.4 แรงที่มีผลต่อการหมุนคือแรงที่ตั้งฉากกับไม้เมตรเท่านั้น นั่นคือ
= =
=
=
เมื่อ คือผลคูณระหว่างระยะทางที่ลากจากจุดหมุนมาตั้งฉาก (แขนหมุน) กับแนวแรง หรือผลคูณระหว่างแรงที่ตั้งฉากกับแขนหมุน ดังรูปที่ 10.5
ทอร์คเมื่อเขียนอยู่ในรูปของเวกเตอร์ หรือ cross product =
การหาทิศของทอร์คจะกล่าวในบทต่อไป
รูปที่ 10.5
ตัวอย่างที่ 10.3 ออกแรงในแนวดิ่ง เพื่อเปิดฝากระป๋องสีโดยออกแรงห่างจากจุดหมุนเป็นระยะ ดังรูปที่ 10.6 จงหา
ก. ขนาดของทอร์ค
ข. แรง ที่ต้องใช้เปิดฝากระป๋องเมื่ออกแรงทำมุม กับแนวดิ่ง
วิธีทำ ก. เนื่องจากแรงที่ออกตั้งฉากกับแขนหมุนจะได้ว่า
=
ขนาดของทอร์ค =
=
=
ข.เมื่อแรง ไม่ตั้งฉากกับแขนหมุน เมื่อแยกองค์ประกอบของแรงจะมีเพียงแรงเดียวเท่านั้นที่มีผลต่อการหมุน แรงนั่นคือ จะได้ว่า
=
=
=
=
กฎข้อสองของนิวตันสำหรับการหมุน
ความเร่งเชิงมุมของวัตถุจะเปลี่ยนแปลงตามค่าทอร์ค แต่ไม่ขึ้นกับโมเมนต์ความเฉื่อยของวัตถุ
จาก =
= เมื่อ คือโมเมนต์ความเฉื่อย
กฎข้อสองสำหรับการหมุน
=
โมเมนต์ความเฉื่อยคืออะไร ใช้ทำอะไรมีผลอย่างไร และจะคำนวณอย่างไร
วัตถุรูปทรงใด ๆ แขวนอยู่ดังรูปที่ 10.7 โดยมีความเร่งเชิงมุม พิจารณามวลก้อนเล็ก ๆ ถูกกระทำด้วยแรง ซึ่งตั้งฉากกับแขนหมุนทำให้ มีความเร่งเชิงมุม ด้วย อาศัยสมการ
= จะได้ว่า
=
แต่ คือแรงในแนวเส้นสัมผัส แทนด้วย จะได้ความเร่งในแนวเส้นสัมผัส ด้วย
รูปที่ 10.7
= =
=
=
=
=
เปรียบเทียบสมการที่ได้กับกฎข้อสองของการหมุนเมื่อ ที่ได้คือผลรวมของทอร์คทั้งหมดที่เกิดจากมวลย่อย ๆ จะได้ค่าโมเมนต์ความเฉื่อยของวัตถุรูปทรงใด ๆ คือ
=
ตามปกติความเฉื่อยต่อการเลื่อนตำแหน่งของวัตถุขึ้นอยู่กับมวล แต่ความเฉื่อยต่อการหมุน (โมเมนต์ความเฉื่อย) จะไม่ขึ้นกับมวลแต่ขึ้นอยู่กับรูปทรงของวัตถุ
ตัวอย่างที่ 10.4 ดรัมเบลประกอบด้วยมวลก้อนละ เชื่อมด้วยมวลเบายาว หมุนรอบแกนซึ่งตั้งฉากกับระนาบของกระดาษดังรูปที่ 10.8 จงหาขนาดของทอร์คที่ทำให้ดรัมเบลหมุนด้วยความเร็ว และหยุดภายในเวลา
วิธีทำ ถือว่ามวล ทั้งสองมีขนาดเล็กเมื่อเทียบกับระยะทางระหว่างมวลทั้งสอง ดังนั้นค่าโมเมนต์ความเฉื่อยจากเงื่อนไขการอินทิเกรตก็คือผลรวมของมวลทั้งหมด
= =
รูปที่ 10.8 แทนค่าต่าง ๆ ในสมการ
=
=
=
แต่ = =
=
=
จากกฎข้อสองของการหมุน
=
=
=
=
ในกรณีที่วัตถุมีรูปทรง รัศมีในการหมุนวัดจากจุดหมุนไปยังมวลส่วนเล็ก ๆ มีค่าไม่มากนักเมื่อเทียบกับขนาดของวัตถุ เราสมารถคำนวณหาโมเมนต์ความเฉื่อยได้โดยการอินทิเกรต
ตัวอย่างที่ 10.5 ก. จงหาโมเมนต์ความเฉื่อยของวงแหวนบางสม่ำเสมอรัศมี มวล รอบแกนที่ผ่านจุดศูนย์กลางมวลดังรูปที่ 10.9
ข. จงหาโมเมนต์ความเฉื่อยของแผ่นจานบางสม่ำเสมอรัศมี มวล รอบแกนที่ผ่านจุดศูนย์กลางมวลดังรูปที่ 10.10
วิธีทำ ก. แบ่งวงแหวนออกเป็นส่วนเล็ก ๆ มีมวล ห่างจากแกนหมุนรัศมี โมเมนต์ความเฉื่อยของมวล คือ
=
=
=
=
เมื่อผลรวมทั้งหมดของมวล ที่แบ่งเป็นส่วนเล็ก ๆ มีค่าเท่ากับ ดังนั้นจะได้ว่าโมเมนต์ความเฉื่อย
ของวงแหวนบางรอบจุดศูนย์กลางมวลคือ
=
รูปที่ 10.10
ข. ในกรณีเป็นแผ่นจานเมื่อแบ่งแผ่นจานออกเป็นวงแหวนเล็ก ๆ รัศมี หนา มีมวล จะสังเกตุเห็นว่า ค่าขอบของวงแหวนมีค่าไม่คงที่จะเปลี่ยนตามระยะ ดังนั้นค่าโมเมนต์ความเฉื่อยของแผ่นจานเกิดจากโมเมนต์ความเฉื่อยส่วนเล็ก ๆ ของวงแหวน ดังรูปที่ 10.10
เมื่อนำมวล หนา มาคลี่
รูปที่ 10.10
=
เมื่อรวมวงแหวนส่วนเล็ก ๆ ทั้งหมดก็จะกลายเป็นแผ่นบาง
=
=
แต่มวลส่วนเล็ก ขึ้นอยู่รัศมี สมมติเป็นแผ่นจานบางสม่ำเสมอดังนั้นการกระจายของมวลจะขึ้นอยู่กับพื้นที่
= เนื่องจาก ขึ้นอยู่กับพื้นที่
=
หรือคำนวณหาจาก = =
แต่ คือความหนาแน่นต่อพื้นที่จะได้ จากบทที่ 8
=
=
=
แทนค่า ลงในสมการ
=
=
=
=
โมเมนต์ความเฉื่อยของแผ่นจานกลมรอบจุดศูนย์กลางคือ
=
จากค่าโมเมนต์ความเฉื่อยที่ได้ถ้าปล่อยวงแหวนกับแผ่นจานให้กลิ้งลงจากพื้นเอียงอันไหนจะถึงปลายพื้นเอียงก่อน
ค่าโมเมนต์ความเฉื่อยของวัตถุขึ้นอยู่กับรูปร่างของวัตถุแสดงดังตารางที่ 10.1
ตารางที่ 10.1 |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
10.4 ทฤษฎีแกนตั้งฉากและทฤษฎีแกนขนาน
ในบางกรณีการคำนวณค่าโมเมนต์ความเฉื่อยมีความยุ่งยากซับซ้อนเราสามารถทำให้ง่ายขึ้นโดยใช้ทฤษฎีแกนตั้งฉาก หรือทฤษฎีแกนขนานเข้ามาช่วย
10.4.1 ทฤษฎีแกนตั้งฉาก เป็นทฤษฎีที่ใช้ในการคำนวณหาค่าโมเมนต์ความเฉื่อยของวัตถุแข็งเกร็งที่มีลักษณะเป็นแผ่นบาง ๆ พิจารณาวัตถุหมุนรอบแกน , และ แสดงดังรูปที่ 10.11
รูปที่ 10.11
จาก =
เมื่อ เป็นระยะจาก ถึงแกน และ เนื่องจากเป็นวัตถุแผ่นบางจะได้
=
แต่
=
=
=
ตัวอย่างที่ 10.6 จงหาค่าโมเมนต์ความเฉื่อยของแผ่นจานบางสม่ำเสมอมวล รัศมี รอบแกน และ ดังรูปที่ 10.12
รูปที่ 10.12
วิธีทำ อาศัยแกน , และ ตามรูป ให้ระนาบของวงกลมอยู่ในระนาบ และจุดศูนย์กลางอยู่ที่จุด จะได้
=
แต่ และ จะได้
=
=
และ =
นั่นคือ
10.4.2 ทฤษฎีแกนขนาน ค่าโมเมนต์ความเฉื่อยของวัตถุโดยทั่ว ๆ ไปเราจะทราบค่าโมเมนต์ความเฉื่อยของวัตถุรอบแกนที่ผ่านจุดศูนย์กลางของมวลของวัตถุ ถ้าต้องการจะหาค่าโมเมนต์ความเฉื่อยของวัตถุนั้นรอบแกนหมุนใด ๆ ซึ่งขนานกับแกนหมุนที่ผ่านจุดศูนย์กลางมวล และห่างออกมาเท่ากับ ดังรูปที่ 10.13
รูปที่ 10.13
=
เมื่อ
คือโมเมนต์ความเฉื่อยรอบแกนใด ๆ ที่ขนานกับแกนที่ผ่านจุดศูนย์กลางมวล
คือโมเมนต์ความเฉื่อยรอบจุดศูนย์กลางมวล
คือมวลของวัตถุนั้น
เป็นระยะห่างระหว่างแกนทั้งสอง
ตัวอย่างที่ 10.7 จงใช้ทฤษฎีแกนขนานหาค่าโมเมนต์ความเฉื่อยของลวดเส้นเล็ก มวล ยาว ซึ่งหมุนรอบจุด ที่อยู่ปลายลวดดังรูปที่ 10.4
รูปที่ 10.4
วิธีทำ =
=
=
=
=
10.5 รัศมีไจเรชั่น
จากตัวอย่างที่ผ่านมา เราจะพบว่าวัตถุที่มีรูปร่างต่างๆ กันย่อมมีสมการโมเมนต์ความเฉื่อยต่างกัน ดังนั้นเพื่อความสะดวกในการคำนวณ จึงได้มีการกำหนดสมการทั่วไปสำหรับโมเมนต์ของความเฉื่อยของวัตถุทุกรูปร่างขึ้นมาเมื่อ
=
เมื่อ คือโมเมนต์ความเฉื่อยของวัตถุทุกรูปร่าง
คือมวลของวัตถุนั่น
คือรัศมีไจเรชั่น
10.6 การประยุกต์ใช้กฎการหมุน
ตัวอย่างที่ 10.8 แขวนมวล = ที่ปลายเชือกเบาโดยปลายอีกข้างหนึ่งคล้องผ่านรอกมวล = มีเส้นผ่าศูนย์กลาง แสดงดังรูปที่ จงหาความเร่งของมวลที่แขวน
รูปที่ 10.14
วิธีทำ เพื่อความสะดวกในการคำนวณให้แยกคิดที่ละส่วนดังนี้
พิจารณาแรงที่กระทำบนมวลที่แขวน เมื่อมวลเคลื่อนที่ในแนวเส้นตรง อาศัยกฎการเคลื่อนที่ข้อสองของนิวตัน ตามรูปที่ 10.15
=
=
= (1)
กำหนดให้ทิศลงมีเครื่องหมายเป็นบวก
รูปที่ 10.15 พิจารณาแรงที่กระทำต่อรอก ซึ่งประกอบด้วยแรง ; และ ดังรูปที่ 10.16 แรงที่ทำให้เกิดทอร์คและทำให้รอกหมุนคือแรง เท่านั้น กำหนดให้ทิศหมุนตามเข็มนาฬิกาเป็นบวก
จากกฎข้อสองของการหมุน
=
=
=
แทนค่า ลงในสมการที่ 1 จะได้
= (2)
รูปที่ 10.16
เมื่อ คือโมเมนต์ความเฉื่อยของแผ่นจานกลมกลมรอบจุดศูนย์กลางมวลจะได้ เมื่อความเร่ง คือความเร่งที่เกิดเนื่องจากจากแรง เป็นความเร่งที่ขอบที่ขอบของแผ่นจานกลมดังนั้น แต่ แทนค่าต่างๆ ลงในสมการที่ (2)
=
=
=
=
แทนค่าต่าง ๆ เพื่อหาค่า
=
=
ตัวอย่างที่ 10.9 วัตถุทรงกลมมวล รัศมี มีโมเมนต์ความเฉื่อย กลิ้งลงมาตามพื้นเอียงสูง จงหาความเร่งและความเร็วเชิงเส้นที่ปลายพื้นเอียง
วิธีทำ
รูปที่ 10.17
เขียน free body diagram แสดงแรงที่กระทำกับวัตถุแสดงดังรูปที่ 10.17 จะสังเกตเห็นว่าแรงที่ทำให้หมุนคือแรงเสียดทาน จากกฎการเคลื่อนที่ข้อ 2 ของนิวตัน เมื่อแยกพิจารณาในแต่ละส่วน
พิจาณาการเลื่อนตำแหน่ง
แกน
=
=
= (1)
(เมื่อแรง เป็นแรงที่ทำให้วัตถุทรงกลมหมุนหมุน)
แกน =
=
= (2)
พิจารณาการหมุน
=
=
= (3)
แทนสมการที่ (3) ลงในสมการที่ (1)
=
แต่ คือความเร่งในแนวเส้นสัมผัส อาศัยความสัมพันธ์ระหว่างความเร่งเชิงเส้นในแนวเส้นสัมผัสกับความเร่งเชิงมุมจะได้
พิจารณาการเลื่อนตำแหน่งของวัตถุทรงกลมอย่างเดียวแสดงดังรูปที่ 10.17 ก. และการหมุนอย่างเดียวแสดงดังรูปที่ 10.17 ข. เพื่อใช้ประกอบการรพิจารณาการเคลื่อนที่ของวัตถุว่าเป็นการเคลื่อนที่ลักษณะใด ถ้าเคลื่อนที่แบบกลิ้งเป็นการเคลื่อนรวมกันทั้งสองแบบ
ก. วัตถุเลื่อนตำแหน่งอย่างเดียว ข. วัตถุหมุนอย่างเดียว
รูปที่ 10.17 แสดงการเคลื่อนที่ของทรงกลม
=
=
=
=
จากสมการที่ได้ถ้าวัตถุไม่มีการหมุน จะได้คำตอบของความเร่งคือ ซึ่งกล่าวมาแล้วจากข้างต้น
เนื่องจากความเร่ง ที่ได้เป็นค่าคงที่ ดังนั้นเราสามารถคำนวณหาค่าความเร็วของวัตถุทรงกลม จากโจทย์ค่าต่าง ๆ ที่กำหนดให้มีดังนี้
; ; ; (ต้องการหา)
;
จากค่าที่กำหนดให้สมการการเลื่อนตำแหน่งที่ไม่ติดตัวแปรเวลา คือ
=
=
=
=
นั่นคือถ้าวัตภุไม่มีการหมุน คำตอบของความเร็วคือ ตามที่ได้กล่าวมาแล้ว
สรุป ทอร์คจะอธิบายถึงการหมุนของวัตถุ ส่วนแรงจะอธิบายถึงการเลื่อนตำแหน่งของวัตถุ
10.7 พลังงานจลน์ในการหมุน
จากบทที่ผ่าน ๆ มา หัวข้อสุดท้ายที่จะกล่าวถึงคือกฎการอนุรักษ์พลังงาน เนื่องจากเมื่อใช้พลังงานคำนวณจะทำให้ง่ายและสะดวกกว่าการคำนวณเมื่อใช้แรงและทอร์ค แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นคือพลังงานจนล์มีผลต่อการหมุนอย่างไร พิจารณาดังรูปที่ 10.18 เมื่อแบ่งมวลออกเป็นส่วนเล็ก ๆ มีความเร็ว และอยู่ห่างจากจุดหมุน จากนิยามของพลังงานจลน์เชิงเส้นของมวลเล็ก ๆ
=
รูปที่ 10.18
แต่ คือความเร็วในแนวเส้นสัมผัส จะได้
=
คิดทั้งหมด
=
เมื่อสมการทางซ้ายมือคือพลังงานจลน์ในการหมุนของวัตถุทั้งก้อน ส่วนสมการทางขวามือคือโมเมนต์ความเฉื่อย
พลังงานจลน์ในการหมุน
=
จะสังเกตุเห็นว่าพลังงานจลน์เชิงเส้นจะมีค่าเท่ากับครึ่งหนึ่งของผลคูณระหว่างความเฉื่อย (มวล) กับความเร็วกำลังสอง ในทำนองเดียวกันพลังงานจลน์ในการหมุนจะมีค่าเท่ากับครึ่งหนึ่งของผลคูณระหว่างโมเมนต์ความเฉื่อยและความเร็วเชิงมุมยกกำลังสอง
ตัวอย่างที่ 10.10 จากตัวอย่างที่ 10.9 จงหาความเร่งและความเร็วเชิงเส้นเมื่อใช้กฎการอนุรักษ์พลังงาน
วิธีทำ
รูปที่ 10.19
พิจารณารูปที่ 10.19 เมื่อวัตถุกลิ้งพลังงานจลน์ที่เกี่ยวข้องได้แก่พลังงานจลน์เชิงเส้น (การเคลื่อนที่ของจุด cm) กับพลังงานจลน์ในการหมุน (วัตถุหมุนรอบจุด cm) จากกฎการอนุรักษ์พลังงาน
=
=
=
เมื่อวัตถุกลิ้งโดยไม่มีการไถลความเร็วเชิงเส้นจะสัมพันธ์กับความเร็วเชิงมุมดังนี้
=
=
=
เมื่อคำนวณโดยการใช้กฎการอนุรักษ์พลังงานจะง่ายกว่าการคำนวณโดยใช้แรงและทอร์ค
ทราบหรือไม่ ? ทำไมความเร่งและความเร็วไม่ขึ้นอยู่กับมวล ให้นักศึกษาพิจารณาที่ค่าโมเมนต์ความเฉื่อย ถ้ากำหนดให้ เมื่อ คือแรงเสียดทานแทนลงในสมการข้างบนจะได้
=
=
จากสมการที่ได้ค่า และ จะไม่ปรากฎ นั่นคือความเร็วจะไม่ขึ้นกับมวลแต่ขึ้นอยู่กับรูปร่าง เนื่องจากในสมการมีค่า ปรากฎอยู่
นักศึกษาตอบได้หรือไม่ว่า เมื่อปล่อยวงแหวนกับแผ่นจานกลมจากปลายพื้นเอียงพร้อมกันอันไหนจะถึงปลายพื้นเอียงก่อน
สรุป
นิยามการหมุน
มุม : |
การกระจัดเชิงมุม : |
ความเร็วเชิงมุม : |
ความเร่งเชิงมุม : |
ความสัมพันธ์ระหว่างเชิงเส้นกับเชิงมุม
|
|
|
|
สมการการหมุนจะใช้ได้เมื่อความเร่งเชิงมุม คงที่
นิยามของทอร์ค :
กฎข้อสองของการหมุน :
นิยามของโมเมนต์ความเฉื่อย :
ทฤษฎีแกนตั้งฉาก :
ทฤษฎีแกนขนาน :
พลังงานจลน์ในการหมุน :