|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
หน้าหลัก | บทที่ 1 | บทที่ 2 | บทที่ 3 | บทที่ 4 | บทที่ 5 | บทที่ 6 | บทที่ 7 | บทที่ 8 | บทที่ 9 | บทที่ 10 | บทที่ 11 | บทที่ 12 | บทที่ 13 | บทที่ 14 | บทที่ 15 | |
บทที่ 15 การเคลื่อนที่แบบสั่น
เนื้อหาประกอบด้วย
15.1 แรงบนสปริง – กฎของฮุค (Hooke’s Rule)
15.2 การเคลื่อนที่แบบซิมเปิลฮาร์โมนิก
15.3 ความสัมพันธ์กับการเคลื่อนที่แบบวงกลม
15.4 แรงและพลังงานในการเคลื่อนที่แบบซิมเปิลฮาร์โมนิกอย่างง่าย
15.5 รูปแบบต่าง ๆ ของการเคลื่อนที่แบบซิมเปิลฮาร์โมนิก
ในบทนี้จะศึกษาเกี่ยวกับการเคลื่อนที่แบบซิมเปิลฮาร์โมนิก (Simple Harmonic Moion, SHM) ตัวอย่าง เช่น การสั่นของมวลที่ติดปลายสปริง ซึ่งสมการการเคลื่อนที่เราสามารถหาได้โดยการประยุกต์ใช้กฎต่าง ๆ ที่ได้ศึกษามาก่อนหน้านี้ เช่นการประยุกต์ใช้กฎข้อสองของนิวตันเพื่อหาสมการการเคลื่อนที่แบบซิมเปิลฮาร์โมนิก จะได้สมการที่ ตำแหน่งเป็นฟังชั่นของเวลา ; ความเร็วเป็น ฟังชั่นของเวลา ; ความเร่งเป็นฟังชั่นของเวลา หรือ ความเร็วเป็นฟังก์ชั่นของตำแหน่ง และ ความเร่งเป็นฟังชั่นของตำแหน่ง
15.1 แรงบนสปริง – กฎของฮุค
เมื่อนำมวลมาแขวนที่ปลายสปริงและอยู่ในสภาพสมดุล จากกฎข้อสองของนิวตัน
=
=
=
เมื่อเพิ่มน้ำหนักจนทำให้สปริงยืดออก แรงที่กระทำต่อสปริง (แรงเนื่องจากวัตถุมวล ; ) จะเป็นสัดส่วนโดยตรงกับระยะยืดของสปริง และมีทิศตรงข้ามกับแรงสปริง ดังรูปที่ 15.1
=
เมื่อ เรียกว่าค่าคงที่ของสปริง (spring constant)
กฎของฮุค : =
รูปที่ 15.1
ตัวอย่างที่ 15.1 จงหาค่าคงที่ของสปริง เมื่อนำมวล มาแขวนที่ปลายสปริงแล้วทำให้สปริงยืดออกจากตำแหน่งสมดุลเดิมเป็นระยะ ดังรูปที่ 15.2
วิธีทำ จากกฎข้อสองของนิวตัน
=
=
จากกฎของฮุคและแทนค่าแรงเนื่องจากน้ำหนักของมวล
=
เมื่อ คือระยะยืดของสปริง จากนั้นแทนค่าต่าง ๆ ลงในสมการ
=
=
รูปที่ 15.2 =
15.2 การเคลื่อนที่แบบซิมเปิลฮาร์โมนิก
การหาสมการการเคลื่อนที่ของวัตถุแบบซิมเปิลฮาร์โมนิก สามารถประยุกต์ใช้กฎข้อสองของนิวตันโดยมีความเร่งเข้าเกี่ยวข้อง (เนื่องจากวัตถุมีการเคลื่อนที่) ซึ่งความเร็วและความเร่งสามารถหาได้จากสมการ ตำแหน่งเป็นฟังก์ชั่นของเวลา
(ก) (ข) (ค)
รูปที่ 15.3
พิจารณาการเคลื่อนที่แบบแบบซิมเปิลฮาร์โมนิก เมื่อระบบไม่สมดุลเดิมสปริงอยู่ในตำแหน่งสมดุลดังรูปที่ 15.3 ก. จากนั้นนำมวล มาแขวนที่ปลายสปริงทำให้สปริงยืดออกเป็นระยะ ดังรูปที่ 15.3 ข. ระบบจะอยู่ในตำแหน่งสมดุลอีกครั้ง จากนั้นยกมวล ขึ้นเป็นระยะ เหนือตำแหน่งสมดุลดังรูปที่ 15.3 ค. แล้วปล่อยให้สปริงสั่น
จากกฎข้อสองของนิวตัน เมื่อมวล เคลื่อนที่ (ระบบไม่สมดุล)
=
=
เมื่อสปริงยืดออกเป็นระยะ อาศัยกฎของฮุค
=
จากกฎข้อสองของนิวตันเมื่อมวล อยู่ในตำแหน่งสมดุลมวล อยู่นิ่ง
=
=
=
แทนค่า ลงในสมการด้านบน (เมื่อระบบไม่สมดุล) จะได้
=
=
=
นั่นคือความเร่งจะเป็นสัดส่วนโดยตรงกับการกระจัดแต่มีทิศทางตรงกันข้าม เพื่อความสะดวกกำหนดให้
=
เขียนสมการใหม่ได้เป็น
=
จากความสัมพันธ์ระหว่างความเร็วและความเร่ง โดยอาศัยกฎลูกโซ่จะได้
= =
=
จะได้ =
=
อินทิเกรตทั้งสองข้าง โดยมี limit ของตำแหน่งจาก ไปยังตำแหน่ง ใด ๆ
=
สาเหตุที่ใช้ตำแหน่งตอนแรกเป็น เนื่องจากที่ตำแหน่งนี้ความเร็วจะเป็นศูนย์ ให้ปล่อยมวลที่ระยะ เมื่อ เรียกว่า “แอมปลิจูด” จะได้
=
=
=
นั่นคือความเร็วจะเป็นฟังก์ชั่นของตำแหน่ง
=
การหาสมการเมื่อ ตำแหน่งเป็นฟังก์ชั่นของเวลาเวลา โดยอาศัยเงื่อนไขของความเร็ว
=
=
=
=
ในกรณีนี้ แต่โดยทั่วไปจะมีค่าเท่าใดก็ได้แต่ต้องน้อยกว่าหรือเท่ากับ
=
=
=
เมื่อเทอมที่สองทางซ้ายมือเป็นค่าคงที่ ขึ้นอยู่กับตำแหน่งเริ่มต้นของมวล เราเรียกว่ามุมเฟสเมื่อ
=
จะได้
=
=
=
=
จะได้ตำแหน่งเป็นฟังชั่นของเวลา
=
การหาสมการ ความเร็วเป็นฟังชั่นของเวลา โดยอาศัยเงื่อนไขของความเร็ว
=
=
จะได้ความเร็วเป็นฟังชั่นของเวลา
=
จากความสัมพันธ์ระหว่างความเร็วและความเร่ง โดยหาอนุพันธ์ของความเร็วเทียบกับเวลา
=
=
จะได้ความเร่งเป็นฟังชั่นของเวลา
=
สรุป
เริ่มต้นใช้กฎข้อของของนิวตัน โดยพิจารณาแรงที่เกิดจากวัตถุมวล กระทำที่ปลายสปริง แล้วทำให้วัตถุมีความเร่ง จากนั้นอาศัยความสัมพันธ์ระหว่างความเร็วกับความเร่ง จะได้สมการการเคลื่อนที่ ของตำแหน่ง ความเร็ว และความเร่ง ดังนี้
=
=
=
=
=
เมื่อ คือแอมปลิจูด ; คือมุมเฟส ; คือควาเร็วเชิงมุม
ความถี่เชิงมุมของวัตถุมวล ที่ติดปลายสปริงคือ
=
ค่า sines และค่า cosines บอกให้เราทราบว่าวัตถุเคลื่อนที่แบบสั่น หรือแบบฮาร์โมนิก ที่ใช้คำว่าอย่างง่ายเนื่องจากเคลื่อนที่พื้นฐานแบบฮาร์โมนิกมีหลายรูปแบบ (ซึ่งมีความยุ่งยากในการหา) ความเร่งจะเป็นสัดส่วนโดยตรงกับการกระจัดแต่ทิศตรงข้าม
ตัวอย่างที่ 15.2 จากตัวอย่างที่ 15.1 เมื่อยกมวล ขึ้น แล้วปล่อยจากจุดหยุดนิ่งจงคำนวณหา ก. ความถี่เชิงมุม ข. แอมปลิจูด ง. มุมเฟส
วิธีทำ ก. ความถี่เชิงมุมของสปริงคือ
=
=
=
ข. แอมปลิจูดคือการกระจัดสูงสุด
ค. เราทราบว่า เมื่อ จาก
=
=
=
=
ตัวอย่างที่ 15.3 จากตัวอย่างที่ 15.2 จงหาเวลาและความเร็วเมื่อมวล เคลื่อนที่มาถึงตำแหน่งสมดุล
วิธีทำ ต้องการหาเวลาเมื่อกำหนดตำแหน่งมาให้ ที่ตำแหน่งสมดุล จากสมการตำแหน่งเป็นฟังก์ชั่นของเวลา
=
=
=
จากตัวอย่างที่ 15.2 เมื่อ จะได้
=
=
=
=
จากนั้นในสมการความเร็วที่เป็นฟังก์ชั่นของเวลา
=
=
=
=
ความเร็วเป็นลบ แสดงว่ามวล เคลื่อนที่ลง
ตัวอย่างที่ 15.4 จงหาสมการของ
ก. ความเร็วสูงสุด
ข. ความเร่งสูงสุด
ง. คาบของการเคลื่อนที่แบบซิมเปิลฮาร์โมนิก ในเทอมของความถี่เชิงมุมและอัมปลิจูด
จากสมการที่ได้ศึกษามา
วิธีทำ ก. จากสมการความเร็วเป็นฟังก์ชั่นของตำแหน่ง
=
วัตถุจะมีความเร็วสูงสุดเมื่ออยู่ที่จุดสมดุล
=
=
ข. จากสมการความเร่งเป็นฟังก์ชั่นของตำแหน่ง ความเร่งจะมีค่ามากสุด เมื่อ มีค่ามากสุด
=
=
นอกจากนี้ผลลัพธ์ที่ได้ยังสามารถคำนวณได้จากสมการความเร็วเป็นฟังก์ชั่นของเวลา และความเร่งเป็นฟังก์ชั่นของเวลา
ค. คาบการแกว่ง สามารถหาได้จากสมการตำแหน่งเป็นฟังก์ชั่นของเวลา เมื่อวัตถุเคลื่อนที่ครบหนึ่งรอบแล้ววัตถุจะกลับมายังตำแหน่งเดิมจาก
=
=
นั่นคือ
=
=
=
=
=
เหมือนการเคลื่อนที่แบบวงกลม
15.3 ความสัมพันธ์กับการเคลื่อนที่แบบวงกลม
เมื่อวัตถุเคลื่อนที่เป็นวงกลมดังรูปที่ 15.4 ความเร็วเชิงมุมคือ
=
=
=
ความสัมพันธ์ระหว่างความเร็วเชิงเส้นและความเร็วเชิงมุมคือ
=
ความสัมพันธ์ระหว่างความเร่งสู่ศูนย์กลางและความเร็วเชิงมุมคือ
= =
รูปที่ 15.4 =
ตำแหน่ง ความเร็ว และความเร่งของวัตถุเมื่อเขียนอยู่ในรูปฟังก์ชั่นของเวลา
จะสังเกตได้ว่าสมการที่ได้คล้ายกับสมการการเคลื่อนที่ของมวลติดปลายสปริง เมื่อ หรือ เป็นองค์ประกอบของการเคลื่อนที่แบบวงกลม ซึ่งก็คือการเคลื่อนที่แบบซิมเปิลฮาร์โมนิก
15.4 แรงและพลังงานในการเคลื่อนที่แบบซิมเปิลฮาร์โมนิกอย่างง่าย
เมื่อมวล ถูกกระทำด้วยแรง ทำให้เคลื่อนที่ด้วยความเร่ง จากกฎการเคลื่อนที่ข้อสองของนิวตัน
=
เนื่องจากวัตถุเคลื่อนที่แบบซิมเปิลฮาร์โมนิก
= =
=
พิจารณาพลังงานศักย์ของสปริง จาก
=
=
อินทิเกรตโดยให้พลังงานศักย์เป็นศูนย์ ที่จุดสมดุล
=
=
แต่ความถี่เชิงมุมของวัตถุที่ติดปลายสปริงคือ
=
นั่นคือพลังงานศักย์จะเป็นศูนย์ที่ และมีค่ามากที่สุดที่
พลังงานจลน์ของวัตถุจาก
=
เนื่องจากวัตถุเคลื่อนที่แบบซิมเปิลฮาร์โมนิก
=
=
=
จะเห็นว่าพลังงานจลน์จะมีค่ามากที่สุดที่จุดสมดุล และเป็นศูนย์ที่
ดังนั่นจะได้พลังงานรวมทั้งหมดของการเคลื่อนที่แบบซิมเปิลฮาร์โมนิกอย่างง่ายคือ
=
= +
= =
ตัวอย่างที่ 15.5 สปิงมีค่าคงตัวของสปริง วางอยู่ในแนวระดับบนโต๊ะซึ่งไม่มีแรงเสียดทาน ที่ปลายสปริงติดวัตถุมวล เมื่อดึงวัตถุให้ยืดออก จากตำแหน่งสมดุลแล้วปล่อยวัตถุจะเคลื่อนที่แแลซิมเปิลฮาร์โมนิก จงหา
ก. แรงที่สปริงกระทำต่อวัตถุก่อนปล่อย
ข. คาบภายหลังจากที่ปล่อยวัตถุ
ค. แอมปลิจูดของการเคลื่อนที่
จ. ความเร่งสูงสุดของวัตถุ
ฉ. ความเร็ว ความเร่ง พลังงานจลน์ และ พลังงานศักย์ เมื่อวัตถุเคลื่อนที่ได้ครึ่งทางจากตำแหน่งเริ่มต้นเข้าหาตำแหน่งสมดุล
ช. พลังงานรวมทั้งหมดของการเคลื่อนที่
ซ. การกระจัดของวัตถุเป็นฟังก์ชั่นของเวลา
วิธีทำ ก. หาแรงที่สปริงกระทำต่อวัตถุก่อนปล่อย
= =
=
ข. หาคาบภายหลังจากที่ปล่อยวัตถุ
= =
=
ค. หาแอมปลิจูดของการเคลื่อนที่
แอมปลิจูดการกระจัดมากที่สุด
ง. หาความเร็วสูงสุดของวัตถุ
= =
=
=
=
ความเร็วสูงสุดจะอยู่ที่จุดสมดุล คือจุดที่พลังงานจลน์สูงสุด จะมีสองค่า คือขณะที่ผ่านจุดสมดุลขณะไปและกลับ
จ. หาความเร่งสูงสุดของวัตถุ
=
=
=
=
ความเร่งจะมีค่าสูงสุดที่ปลายสุดของเส้นทาง นั่นคือความเร่งจะมีสองค่า คือขณะที่แอมปลิจูลเท่ากับ และ
ฉ. หาความเร็ว ความเร่ง พลังงานจลน์ และ พลังงานศักย์ เมื่อวัตถุเคลื่อนที่ได้ครึ่งทางจากตำแหน่ง เริ่มต้นเข้าหาตำแหน่งสมดุล
เมื่อ = =
=
=
=
=
= =
=
=
=
=
=
=
=
=
ช. หาพลังงานรวมทั้งหมดของการเคลื่อนที่
=
= =
หรือ = =
=
ซ.หาการกระจัดของวัตถุเป็นฟังก์ชั่นของเวลา
จาก =
เมื่อ ; ; และที่ ; จะได้
=
= =
จะได้
= หรือ
=
15.5 รูปแบบต่าง ๆ ของการเคลื่อนที่แบบซิมเปิลฮาร์โมนิก
ก. ลูกตุ้มนาฬิกาอย่างง่าย (Simple Pendulum)
พิจารณาวัตถุที่ปลายเชือกเบาดังรูปที่ 15.5 แรงที่กระทำต่อวัตถุประกอบด้วย แรงโน้มถ่วง กับแรงตึงเชือก ให้ เป็นจุดหมุน แรงตึงเชือกจะไม่ทำให้เกิดทอร์ก แรงที่มีผลต่อการหมุนคือแรงโน้มถ่วง จากสมการการหมุน
=
=
(ให้ คือความยาวเชือก)
=
=
เมื่อแกว่งเป็นมุมเล็ก ๆ จะได้ว่า
สมการที่ได้คือสมการการเคลื่อนที่แบบซิมเปิลฮาร์โมนิก ความเร่ง
เชิงมุมจะเป็นปฎิภาคโดยตรงกับการกระจัดเชิงมุม แต่ทิศตรงกันข้าม
รูปที่ 15.5 เปรียบเทียบกับสมการการเคลื่อนที่ของมวลที่ติดปลายสปริง เมื่อเปรียบเทียบความเร่ง การกระจัด
ดังนั้นสมการการเคลื่อนที่เชิงมุม จะเป็นการเคลื่อนที่แบบซิมเปิลฮาร์โมนิก จะได้ความถี่เชิงมุมของการแกว่งแบบลูกตุ้มนาฬิกาอย่างง่าย
=
ตัวอย่างที่ 15.6 จงหาความยาวเชือกของการแก่วงแบบลูกตุ้มนาฬิกาอย่างง่าย ที่ทำให้คาบการแก่วงมีค่า
วิธีทำ =
แต่ = =
= =
=
แทนค่าต่าง ๆ ลงในสมการ
=
=
ข. ลูกตุ้มทอร์ชั่น (Torsional Pendulum)
จากรูปที่ 15.6 เมื่อบิดมวลซึ่งติดอยู่ที่ปลายแท่งโลหะเบาเป็นมุมน้อย ๆ โดยที่จุดกึ่งกลางของแท่งโลหะตรึงติดกับปลายลวดแล้วปล่อย เส้นลวดจะทำให้เกิดทอร์คบนระบบมวลทั้งสองเกิดการบิดไปมารอบจุด จะได้
=
เมื่อ เรียกว่าค่าคงที่ของการบิด (torsion constant)
จากสมการการหมุน
=
=
=
รูปที่ 15.6
สมการที่ได้คือสมการการเคลื่อนที่แบบซิมเปิลฮาร์โมนิก ความเร่งเชิงมุมจะแปรผันตรงกับการกระจัดเชิงมุมโดยมีทิศทางตรงกันข้าม จะได้ความถี่เชิงมุมของการแกว่งแบบลูกตุ้มทอร์ชั่นคือ
=
คือโมเมนต์ความเฉื่อยของมวลทั้งสองที่ติดอยู่ที่ปลายแท่งโลหะเบา
ตัวอย่างที่ 15.7 จากรูปที่ 15.6 ถ้ามวลทั้งสองอยู่ห่างกัน มวลแต่ละก้อนมีค่า ถ้าคาบการแกว่งมีค่า จงหาค่าคงที่ของการแกว่ง
วิธีทำ จากความถี่เชิงมุมของการแกว่งแบบลูกตุ้มทอร์ชั่น
=
=
=
เมื่อโมเมนต์ความเฉื่อยของมวลที่ติดอยู่ที่ปลายแท่งโลหะเบาและมีจุดหมุนอยู่ที่จุดหมุนอยู่ที่จุดกึ่งกลางของแท่งโลหะเบา
=
=
=
=
=
=
ค.ลูกตุ้มฟิสิกัล (Physics Pendulum)
ลูกตุ้มฟิสิกัลป์ประกอบด้วยวัตถุเนื้อเดียวกัน โดยมีแรงโน้มถ่วงที่กระทำผ่านจุดศูนย์กลางมวล ทำให้เกิดทอร์ก จากรูปที่ 15.7 ไม้เบสบอลแขวนอยู่ที่ปลายด้านหนึ่ง แรงโน้มถ่วงจะทำให้เกิดการหมุนรอบจุด จากสมการการหมุน
=
=
=
รูปที่ 15.7
เมื่อ และ จะขึ้นอยู่กับตำแหน่งของจุดหมุน ถ้าให้ แกว่งเป็นมุมน้อย ๆ จะได้ จะได้
=
สมการที่ได้คือสมการการเคลื่อนที่แบบซิมเปิลฮาร์โมนิกอย่างง่าย ความเร่งเชิงมุมจะแปรผันตรงกับการกระจัดเชิงมุมแต่มีทิศตรงกันข้าม จะได้ความถี่เชิงมุมของการแกว่งของลูกตุ้มนาฬิกาอย่างง่ายคือ
=
ตัวอย่างที่ 15.8 จากรูปที่ 15.7 จงหาโมเมนต์ความเฉื่อยของไม้เบสบอล
วิธีทำ จากสมการความถี่เชิงมุมของการแกว่งของลูกตุ้มนาฬิกาอย่างง่าย
=
=
กำหนดให้
โมเมนต์ความเฉื่อยของไม้เบสบอลรอบจุด มีค่า เมื่อ เป็นค่าคงที่ ; เป็นมวลของ ไม้เบสบอล ; คือความยาวของไม้เบสบอล ; คือระยะห่างจากจุดหมุนถึงจุดศูนย์กลางมวล ; คือคาบการแกว่ง
=
จาก
=
จะได้
=
ให้ ; ; และ
=
=
=
นั่นคือค่าโมเมนต์ความเฉื่อยของไม้เบสบอลเมื่อจุดหมุนอยู่ที่ปลาย จะมีค่ามากกว่า 1 ใน 3 ของโมเมนต์ความเฉื่อยของวัตถุรูปร่างสม่ำเสมอและมีจุดหมุนอยู่ที่ปลาย
ตัวอย่างที่ 15.9 ไม้คอร์ดรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่มีความยาวด้าน มีความหนาแน่น ลอยอยู่ในน้ำ จากนั้นกดให้ไม้คอร์ดจมลงไปมากกว่าระดับสมดุลดังรูปที่ 15.8 แล้วปล่อยให้ไม้คอร์ดเคลื่อนที่แบบซิมเปิลฮาร์โมนิก จงหาคาบของการสั่น
วิธีทำ จากกฎการเคลื่อนที่ข้อสองของนิวตันเมื่อระบบสมดุล
=
=
=
จากกฎของอาร์คิมิดีส
=
=
เมื่อ คือความหนาแน่นของน้ำ ; คือความหนาแน่นของไม้คอร์ด ; คือปริมาตรส่วนที่จม ; คือปริมาตรทั่งหมด
รูปที่ 15.8
จากฎข้อสองของนิวตัน และจากกฎของอาร์คิมิดีส เมื่อไม้คอร์ดมีการเคลื่อนที่
=
=
=
แต่ =
=
=
จะได้ความเร่งของไม้คอร์ดคือ
=
นั่นคือความเร่งจะแปรผันตรงกับระยะที่จมแต่มีทิศตรงกันข้าม สมการที่ได้คือสมการการเคลื่อนที่แบบซิมเปิลฮาร์โมนิกอย่างง่าย โดยมีความถี่เชิงมุมคือ
=
=
=
=
สรุป
กฎของฮุค :
สมการการเคลื่อนที่แบบซิมเปิลฮาร์โมนิก
ความถี่เชิงมุม
Spring
Simple pendulum
Torsional pendulum
Physics pendulum